อย่างที่เราทราบกันดีว่า “อาหาร” เป็นหนึ่งปัจจัยหลักในการดำเนินชีวิตที่มีความสำคัญกับผู้คน สังคม และโลกใบนี้เป็นอย่างมาก ดังนั้น เทคโนโลยีที่มีความเกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องดื่มจึงไม่เคยหยุดการพัฒนาเช่นเดียวกับ 3D Printing Food นวัตกรรมการทำอาหารสุดทันสมัยที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อลดการใช้แรงงานในการกระบวนการผลิต เพราะเพียงแค่มีเครื่องทำอาหารเครื่องนี้เครื่องเดียวก็เอาอยู่ทุกรายละเอียด ไม่ว่าเมนูที่ต้องการทำจะต้องอาศัยความประณีต อ่อนช้อย หรือมีความซับซ้อนมากแค่ไหนก็สามารถรังสรรค์ความอร่อยนั้นออกมาได้ดีเยี่ยมภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที มาถึงจุดนี้หลายคนคงอยากทำความรู้จักกับเทรนด์ที่จะเข้ามาเปลี่ยนโลกในอนาคตกันแล้ว วันนี้ตาม Foodspace ไปเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ พร้อมกันได้เลย
ชวนไปทำความรู้จักกับ 3D Printing Food คืออะไร ทำไมถึงเริ่มได้รับความสนใจจากหลายภาคส่วน
3D Printing Food เป็นนวัตกรรมอาหารที่มาในรูปแบบเครื่องขึ้นรูปอาหาร 3 มิติ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับเครื่อง 3D Printer ทั่วไป แต่ปรับเปลี่ยนจากการใช้พลาสติกในการขึ้นรูปอย่างที่ผ่านมา ให้กลายเป็นวัตถุดิบในการทำอาหารแทน และสำหรับในบางรุ่นยังมีระบบเลเซอร์ Ultra-Violet ที่เป็นตัวช่วยทำให้อาหารแข็งตัวภายในเครื่องอีกด้วย
ต้องยอมรับเลยว่า เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ เป็นความท้าทายใหม่ของอุตสาหกรรมเกี่ยวกับอาหาร ที่จะเข้ามามีส่วนช่วยจัดเตรียมและผลิตอาหาร ให้เพียงพอต่อความต้องการของประชากรโลก ที่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีหลักการที่น่าสนใจ เพราะสามารถนำมาใช้ในกระบวนการผลิตอาหาร เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและวัตถุดิบอย่างคุ้มค่ามากที่สุด ทั้งยังสามารถรักษาคุณค่าทางโภชนาการได้อย่างครบถ้วน ไม่แตกต่างจากอาหารที่ผ่านมือมนุษย์ ที่สำคัญไม่มีของเหลือทิ้งที่เกิดจากการกระบวนการผลิต ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เราควรตระหนักถึงปัญหาขยะอาหารที่เพิ่มปริมาณขึ้นในทุก ๆ ปี
เมื่อโลกปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น บวกกับมีการผลักดันแนวคิดอุตสาหกรรม 4.0 ทำให้เทคโนโลยีดังกล่าวมีการพัฒนามาอย่างยาวนานกว่า 30 ปีแล้ว และมีวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วและก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่ได้รับความนิยมที่แพร่หลายมากนักด้วยปัจจัยรายล้อมหลายประการ แต่เชื่อว่าในอนาคตจะมีการนำเทคโนโลยีสุดล้ำสมัยนี้มาใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น
ตามเทรนด์อาหาร ลักษณะของผลิตภัณฑ์ที่สามารถผลิตได้ด้วยเทคโนโลยีพิมพ์อาหาร 3 มิติ ที่น่าสนใจ
- Dysphagia diets หรืออาหารสำหรับผู้ที่มีภาวะกลืนลำบาก : เนื่องจากอาหารประเภทนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในลักษณะอาหารปั่นที่มีความข้นและหนืด เมื่อต้องทานเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้ผู้บริโภคเบื่ออาหารได้ เทคโนโลยีนี้จะเข้ามาเพิ่มความหลากหลายให้กับเมนูอาหาร ทั้งรสชาติ และคุณค่าทางโภชนาก็จะมากกว่าเก่า ทำให้ผู้บริโภคมีความอยากอาหารมากขึ้น
- Personalised diets หรืออาหารเฉพาะบุคคล : 3D Printing Food เป็นเทคโนโลยีที่สนับสนุนแนวคิดโภชนาการส่วนบุคคลมากขึ้น ด้วยสาเหตุมากมายที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพของบุคคลที่เฉพาะเจาะจง จึงเป็นเรื่องที่ดีหากจะมีเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยให้มีการออกแบบเมนูอาหารที่เหมาะสมกับบุคคลนั้น ๆ ได้
- อาหารเพื่อสุขภาพ : แน่นอนว่านี่จะเป็นนวัตกรรมอาหารที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกอย่างแท้จริง เพราะเครื่องนี้สามารถสร้างโอกาสใหม่ในการผลิตอาหารแปรรูป โดยควบคุมรูปร่าง และคุณภาพเนื้อสัมผัสได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะออกแบบโครงสร้างอาหารซึ่งลดปริมาณเกลือ น้ำตาล รวมถึงไขมันที่อยู่ในแต่ละเมนูได้
นวัตกรรม 3D Printing Food กับการขับเคลื่อนมาสู่วัฒนธรรมไทย ปรับใช้กับการทำขนมไทยแสนอร่อย
ปัจจุบันเครื่อง 3D Printing Food นิยมนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร โดยเปลี่ยนวัตถุดิบให้เป็นอาหารจำพวกช็อกโกแลต, เค้ก, พาสต้า, ขนม, แพนเค้ก, พิซซ่า, คุกกี้, แคนดี้ เป็นต้น นั่นแสดงให้เห็นว่าเครื่องมือดังกล่าวเริ่มเข้ามามีอิทธิพลในธุรกิจอาหารมากขึ้น เพราะมีหลักการง่าย ๆ เพียงแค่การใส่ส่วนผสม วัตถุดิบ และเครื่องปรุงต่าง ๆ ลงไปแคปซูลหรือกระบอกฉีดตามสูตร เมื่อผ่านการแปรรูป กระบอกฉีดจะค่อย ๆ ฉีดส่วนผสมออกมาเป็นชั้นและแถวทับซ้อนกันเป็นรูปทรงต่าง ๆ ดังนั้น หากจะนำมาปรับใช้กับเมนูอาหารหรือขนมหวานของไทย ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าสนใจและดูมีแนวโน้มที่จะเป็นไปได้สูง แล้วการทำขนมชั้น ตะโก้ สาคูเปียก หรือเมนูอื่น ๆ อีกมากมายก็จะไม่ใช่เเรื่องยากอีกต่อไป ลดความซับซ้อน แถมประหยัดเวลาได้อีกด้วย
พาส่องข้อดีของ 3D Printing Food ใช้อย่างไรให้ได้คุณค่าสูงสุด สายสุขภาพห้ามพลาด!
- 3D Food Printer ช่วยให้เราสามารถรังสรรค์ความหลากหลายของเมนูอาหารได้อย่างไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่มีรูปร่างหน้าตา รสชาติ กลิ่น สี หรือคุณค่าทางโภชนาการอย่างไร ก็สามารถจัดเต็มให้ครบจบในชิ้นเดียว ทั้งนี้ยังเป็นข้อได้เปรียบในการสร้างความแตกต่างทางธุรกิจได้อีกด้วย
- เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้การทำอาหารของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น การเซตระบบในการทำงานของเครื่องจะช่วยให้การรังสรรค์เมนูอาหารทุกจาน อยู่บนมาตรฐานที่คงที่ ช่วยลดแรงงานในการทำ และลดเวลารอเสิร์ฟอาหารได้เช่นกัน
- อีกหนึ่งประเด็นที่เราควรให้ความสนใจเลยก็คือ นี่จะเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดการเกิดขยะอาหาร (Food Waste) ได้ดี ควบคุมสินค้าที่ไม่ตรงตามมาตรฐาน และลดจำนวนอาหารส่วนเกินที่ผลิตออกมา