ข้าวเหนียวทุเรียนน้ำกะทิ เมนูขนมไทยเอาใจสายของหวาน กลิ่นหอมชวนให้ลิ้มลอง

ข้าวเหนียวทุเรียน เมนูขนมหวานของไทยที่มักจะพร้อมเสิร์ฟกันอยู่ตลอดในช่วงหน้าร้อนของทุกปี ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ทำให้ในหน้าร้อนมีทุเรียนล้นตลาด หลายครั้งเกิดปัญหาระบายออกไม่ทัน จึงเกิดเป็นไอเดียแปรรูปเป็นเมนูอาหารไทยใหม่ ๆ ให้ได้ลิ้มลองกันอยู่ตลอด และแน่นอนว่านี่เป็นอีกหนึ่งในเมนูที่ได้จากการนำทุเรียนสุกงอมจนเนื้อข้างในค่อนข้างที่จะเละ แต่กลับเป็นการเพิ่มมูลค่าของสินค้าได้อีกทางหนึ่ง ที่สำคัญรสชาติยังหอมหวานเป็นเอกลักษณ์ จึงไม่น่าแปลกใจที่เมนูนี้จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมูชาวไทยและชาวต่างชาติ หากเบื่อหน่ายกันการซื้อมาทาน วันนี้เราจะชวนไปเข้าครัวตะลุยทำเมนูนี้ด้วยกัน แต่ก่อนอื่น ตาม Foodspace ไปส่องประโยชน์ที่น่าสนใจของทุเรียนก่อนมาเป็นเมนูยอดฮิตพร้อม ๆ กันก่อน

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่

ของดีต้องบอกต่อ ส่องประโยชน์ของทุเรียน วัตถุดิบหลักก่อนนำมาทำเป็นข้าวเหนียวทุเรียนแสนอร่อย

ข้าวเหนียวทุเรียน มีวัตถุดิบหลักเป็นราชาผลไม้อย่าง “ทุเรียน” ผลไม้หน้าร้อนของไทยที่มักถูกนำไปประกอบอาหารเป็นเมนูแสนอร่อยมากมาย ยิ่งเป็นช่วงหน้าร้อนที่มีทุเรียนขายละลานตา ทำเอาหลายคนอดใจไม่ไหวต้องแวะซื้อกันรัว ๆ เพราะรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์นั้น ทำให้หลายคนติดใจจนหยุดทานไม่ได้ แต่อย่าหลงลืมไปว่า การทานในปริมาณที่มากเกินไปอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายตามมา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลใจหากเลือกทานในปริมาณที่พอดีก็จะได้รับประโยชน์หลากหลาย ดังนี้

1. อุดมไปด้วยโฟเลต มีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง ป้องกันอาการของโรคหลงลืม รวมถึงโรคอัลไซเมอร์ได้ด้วย
2. ในทุเรียนจะมีสารช่วยบำรุงสายตาอย่าง “เบต้าแคโรทีน” จะพบมากในทุเรียนพันธุ์ชะนีไข่และพวงมณี นอกจากจะบำรุงสายตา ยังสามารถป้องกันการเกิดโรคต้อกระจก แถมยังมีส่วนช่วยชะลอกระจกตาเสื่อมในวัยชราได้เช่นกัน
3. ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีใยอาหารสูง จึงมีส่วนช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ไม่แนะนำให้ทานทุเรียนเพื่อวัตถุประสงค์ที่จะกระตุ้นการขับถ่ายโดยเฉพาะ เพราะในทุเรียนยังมีคาร์โบไฮเดรต น้ำตาล และไขมันสูง
4. รากของทุเรียนสามารถนำมาใช้แก้อาหารท้องร่วงได้ตามตำรับยาไทย
5. ในทุเรียนสายพันธุ์หมอนทองและก้านยาว มีฤทธิ์กำจัดอนุมูลอิสระตัวที่ทำให้ผิวดูแก่ก่อนวันอยู่ ผลไม้ชนิดนี้จึงมีส่วนช่วยในการบำรุงผิวพรรณด้วย
6. เปลือกของทุเรียนมีสรรพคุณทางยาที่สามารถนำมาใช้รักษาโรคผิวหนังให้ดีขึ้นได้

หลังจากได้เห็นประโยชน์ที่ได้จากทุเรียน หนึ่งในวัตถุดิบหลักของเมนูข้าวเหนียวทุเรียนกันไปแล้ว คงจะช่วยให้หลายคนเบาใจกับการเลือกทานทุเรียนไปได้บ้าง เพราะสำหรับหลายคนนั้นยังมีความกังวลว่าจะได้รับผลเสียมากกว่าผลดี แต่ในความจริงแล้วไม่ว่าเราจะเลือกทานสิ่งใดก็ตามย่อมมีทั้งผลดีและผลเสียตามมา เพียงแค่เราต้องเลือกทานในปริมาณที่เหมาะสมก็จะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ คราวนี้ก็หมดห่วง ตามเราเข้าครัวไปทำขนมหวานยอดนิยมของไทยพร้อมกันดีกว่า

ส่วนผสมการทำข้าวเหนียวมูน

• ข้าวเหนียวขาว 500 กรัม
• สารส้มโขลกละเอียด 1 ช้อนชา   
• กะทิคั้นสด 350 มิลลิลิตร
• น้ำตาลทราย 200 กรัม
• เกลือป่น 2 ช้อนชา

ส่วนผสมน้ำกะทิทุเรียน

• เนื้อทุเรียนสุกฉีก 500 กรัม
• น้ำกะทิ 2 ถ้วย
• เกลือป่น ½ ช้อนชา
• น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม

ขั้นตอนและวิธีในการทำข้าวเหนียวมูน

• ขั้นตอนแรกให้เริ่มจากการนำข้าวเหนียวมาซาวน้ำจนสะอาด โดยการใส่สารส้มลงไปก่อน แล้วเติมน้ำให้ท่วม จากนั้นคนผสมให้เข้ากัน แช่ข้าวเหนียวทิ้งไว้เป็นเวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมง จากนั้นค่อยมาล้างข้าวเหนียวที่แช่ไว้จนสะอาด สะเด็ดน้ำแล้วพักทิ้งไว้สักครู่
• ขั้นตอนต่อไปให้นำข้าวเหนียวไปนึ่ง โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที หรือรอจนกว่าข้าวเหนียวจะสุกนุ่ม วางพักเตรียมไว้
• แล้วมาเตรียมในส่วนของการปรุงข้าวเหนียวมูนให้มีรสชาติหวาน กลิ่นหอมละมุนด้วยการผสมกะทิ น้ำตาลทราย และเกลือป่นลงในชามผสม แล้วทำการเทข้าวเหนียวที่นึ่งเตรียมไว้ในขั้นตอนก่อนหน้านี้ลงไป
• ปิดท้ายด้วยการคนส่วนผสมทั้งหมดในชามผสมให้เข้ากัน แล้วพักไว้อีกประมาณ 30 นาที หรือสังเกตจนกว่าข้าวเหนียวจะระอุ เพียงเท่านี้ก็พร้อมจะนำไปทานคู่กับน้ำกะทิและทุเรียนแล้ว

ขั้นตอนและวิธีในการทำน้ำกะทิ

• ในส่วนของการทำน้ำกะทิที่มีส่วนผสมของทุเรียนนั้นสามารถทำได้ไม่ยาก เริ่มต้นด้วยการใส่กะทิลงไปในหม้อ แล้วนำขึ้นตั้งบนเตา เปิดไฟอ่อน
• จากนั้นให้ใส่น้ำตาลปี๊บและเกลือป่นลงไปในหม้อ แล้วค่อย ๆ คนผสมจนน้ำตาลปี๊บละลายและเข้ากันดี
• หลังจากส่วนผสมในหม้อเริ่มเดือดจึงค่อยเติมเนื้อทุเรียนที่ฉีกเตรียมไว้ตามลงไป คนผสมให้เข้ากับน้ำกะทิ
• รอให้เดือดอีกครั้งก็สามารถปิดเตาและยกลงมาพักไว้ให้เย็นตัว จากนั้นก็พร้อมเสิร์ฟ ราดลงบนข้าวเหนียวมูนสูตรนุ่มละมุน ทานแบบทั่วไป หรือจะเติมน้ำแข็งลงไปเพิ่มความเย็นก็อร่อยไม่แพ้กัน