กระเจี๊ยบเขียว ผักสมุนไพรที่หลายคนไม่เคยรู้จักมากก่อน แถมยังต้องอึ้งเมื่อทราบว่าสมุนไพรชนิดนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น จนถึงขั้นมีการคิดค้นเมนูใหม่ที่ใช้แก้ปัญหาอุณหภูมิของร่างกายที่เพิ่มสูงขึ้นในหน้าร้อน ในบทความนี้เราจะพาไปส่องเรื่องราวน่าความสนใจของสมุนไพรที่ไม่ได้โดดเด่นที่เรื่องรสชาติ แต่มาพร้อมกับสรรพคุณอันเหลือล้น พร้อมแล้วไปลุยกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกระเจี๊ยบเขียว สมุนไพรที่หลายคนอาจไม่เคยรู้จักมาก่อน รับรองประโยชน์แน่นเต็ม ๆ คำ
กระเจี๊ยบเขียว มีอีกหนึ่งชื่อเรียกยอดฮิตว่า “กระเจี๊ยบขาว” เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่จัดเต็มมาให้ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย จนหลายคนยกให้เป็นผักที่ช่วยบำรุงสุขภาพ และสามารถรักษาโรคได้อีกเพียบ ในความจริงแล้วพืชนิดนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเอธิโอเปีย และสามารถพบได้แถมอียิปต์ ทวีปแอฟริกา หมู่เกาะอินเดียตะวันตก และเอเชียใต้ เติบโตได้ดีในพื้นที่เขตร้อนและอบอุ่น ทำให้มีการเพาะพันธุ์อย่างแพร่หลายในประเทศของเรา หาทานง่ายได้ตามท้องตลาด
ส่องสรรพคุณ ประโยชน์น่าทึ่ง และข้อควรระวังในการกินกระเจี๊ยบเขียว พร้อมแนะนำวิธีรับประทาน
สรรพคุณและประโยชน์ของกระเจี๊ยบเขียว
สรรพคุณของกระเจี๊ยบเขียวผลเล็ก ๆ ครอบคลุมในหลายด้านที่ร่างกายจะได้รับ มีคุณสมบัติในการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ไปพร้อมกับดูดซึมน้ำตาลจากลำไส้ใหญ่ เหมาะกับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก และผู้ป่วยเบาหวาน มีเมือกที่ทำให้อุจจาระอ่อนตัว ช่วยลดอาการท้องผูก ทั้งยังมีกากใยอาหารที่ดีต่อการทำงานของระบบขับถ่าย มีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอล ช่วยลดความเสี่ยงโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร เนื่องจากตัวเมือกที่มีลักษณะใสและเหนียวจะเข้าไปเคลือบแผลในกระเพาะไว้ และป้องกันโรคลำไส้อักเสบได้
หากน้ำไปต้มเกลืออ่อน ๆ ทาน จะสามารถบรรเทาอาหารกรดไหลย้อนได้ นอกจากนี้ยังมีโฟเลตสูง หรือเรียกว่าตัวช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง และมีส่วนสำคัญต่อพัฒนาการลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์ ในบางครั้งก็มักนำมาใช้เป็นยาบำรุงสมอง ช่วยป้องกันอาการหลอดเลือดตีบตัน รักษาโรคความดันโลหิต ตลอดจนรักษาระดับความดันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ แถมยังช่วยรักษาอาการหวัดได้อีกด้วย
ข้อควรระวังในการรับประทาน
แม้สมุนไพรต้านโรคชนิดดังกล่าว จะอัดแน่นไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารที่เป็นประโยชน์กับร่างกายเพียบ และสำหรับคนทั่วไปอาจไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ แต่ก็ควรเลือกรับประทานอย่างระมัดระวังอย่าได้ประมาท หลายคนเลือกทานแบบสด ๆ ก็อาจต้องพบเจอกลับกลิ่นเหม็นเขียว ส่งผลต่อเนื่องให้เกิดอาหารเบื่อเมาในบางคน จึงมักนิยมนำมาต้มหรือลวกให้สุกก่อนทานมากกว่านั่นเอง
อีกหนึ่งประเด็นที่หลายคนมักกังวลว่าจะเป็นอันตรายหรือไม่หากรับประทานเข้าไปนั่นก็คือ เมือกเหนียว ๆ ใส ๆ ซึ่งอาจไม่ได้ส่งผลอันตรายใด ๆ ต่อร่างกาย เพราะเมือกที่เราได้กล่าวไปนั้น มีคุณสมบัติสามารถละลายน้ำได้ และยังมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ชนิดที่เป็นประโยชน์
วิธีรับประทานกระเจี๊ยบเขียว
อย่างที่เราได้เกริ่นไปแล้วว่าสมุนไพรชนิดนี้สามารถนำมาหั่นแล้วทานสด ๆ ได้เลย แต่อาจได้รับกลิ่นเหม็นเขียวที่หลายคนไม่โปรดปราน ดังนั้น นอกจากจะนำมาต้มหรือลวกทานแล้ว ยังมีการประยุกต์เป็นเมนูใหม่ ๆ เพิ่มรสชาติ และช่วยให้ทานได้ง่ายยิ่งขึ้น เมนูยอดฮิตที่ได้รับความนิยมก็จะมีทั้งการนำไปย่างด้วยไฟอ่อน ๆ บางสูตรก็ยัดไส้หมูสับลงไปด้วย หรือจะนำไปทำเมนูแกง ยำ สลัด หรือเมนูของหวาน ทานคู่กับน้ำผึ้ง น้ำมะนาว ไอศกรีม หรือแม้กระทั่งชาก็ย่อมได้
บอกต่ออาหารเพื่อสุขภาพจากกระเจี๊ยบเขียว เมนูคลายร้อนยอดฮิตของชาวญี่ปุ่น ทำตามง่าย ๆ ได้ที่บ้าน
ในญี่ปุ่นสมุนไพรชนิดนี้จะเรียกกันว่า “Okura” เป็นผักที่ได้รับความนิยมในดินแดนอาทิตย์อุทัยมาอย่างยาวนาน เพราะมีคุณค่าแบบที่ไม่ใช่ผักธรรมดาทั่วไป มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคภัยต่าง ๆ ทั้งยังช่วยคลายความเหนื่อยล้าในช่วงหน้าร้อนเมื่อต้องเผชิญลมแดดได้เป็นอย่างดี เราจึงจะพาทุกคนไปดูกันว่า ชาวญี่ปุ่น นำสมุนไพรชนิดนี้มารังสรรค์เป็นเมนูน่าสนใจรูปแบบไหน รับรองเลยว่าทำตามได้ง่าย แถมอร่อยอีกด้วย จะมีส่วนผสมและขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง ไปติดตามพร้อมกันได้เลย
ส่วนผสมในการทำ
- กระเจี๊ยบเขียว 5-7 ผล
- ไข่ออนเซ็นหรือไข่ต้มยางมะตูม 1 ฟอง
- น้ำซุปเข้มข้นเมนซึยุ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวสวย 1 ถ้วย
ขั้นตอนและวิธีในการทำ
- เริ่มต้นขั้นตอนแรกด้วยการนำวัตถุดิบหลักในเมนูกระเจี๊ยบเขียวมาล้างน้ำเปล่าให้สะอาด เสร็จแล้วให้ใช้มีดหั่นเอาขั้วผลออกเล็กน้อย
- ขั้นตอนต่อไปให้ตั้งหม้อแล้วต้มน้ำให้เดือด จากนั้นใส่วัตถุดิบที่เตรียมไว้ในขั้นตอนแรกลงไปต้ม โดยใช้เวลาประมาณ 1 นาที แล้วค่อยตักขึ้นมาน็อคด้วยน้ำเย็น
- หั่นผักเพื่อสุขภาพที่เพิ่งผ่านการต้มและแช่น้ำเย็นมากออกเป็น 3 ท่อน แล้วจึงนำไปใส่เครื่องปั่น เทน้ำซุปเข้มข้นเมนซึยุและน้ำตามไปลงไป ปั่นจนส่วนผสมทั้งหมดละเอียดเข้ากันดี
- หลังจากนั้นให้ใช้ช้อนตักส่วนผสมที่ปั่นเรียบร้อยราดลงบนข้าวสวยร้อน ๆ ออนท็อปด้วยไข่ออนเซ็นหรือไข่ต้มยางมะตูม ปรุงรสชาติได้ตามความชื่นชอบ เพียงเท่านี้ก็อิ่มอร่อยได้ง่าย ๆ แถมได้ประโยชน์เต็ม ๆ คำ
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารเพิ่มเติมได้ที่ Foodspace