ข้าวฟ่าง อีกหนึ่งธัญพืชที่มักถูกนำมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักของเมนูขนมหวานของไทย เป็นการดึงความหวานและความมันซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของธัญพืชชนิดนี้ออกมาได้อย่างโดดเด่น แต่ต้องยอมรับเลยว่า ในปัจจุบันเมนูขนมหวานจากวัตถุดิบชนิดนี้นั้นเริ่มที่จะหาทานได้ยาก หลายคนเริ่มคิดถึงถึงรสชาติหวานมันกำลังดี ตัดกับความเค็มของกะทิ เป็นความต่างที่ลงตัว สัมผัสกลมกล่อมละมุนลิ้ม กลิ่นหอมอ่อน ๆ ไม่เหมือนใคร จึงเริ่มมองหาสูตรทำทานเองที่บ้าน เราจึงไม่พลาดนำมาฝากกันในวันนี้ แต่ก่อนที่จะไปเรียนรู้ขั้นตอนการทำ ตาม FoodSpace ไปดูประโยชน์ที่ได้มากกว่าความอร่อยกันก่อน
ชวนไปทำความรู้จักข้าวฟ่าง หนึ่งในธัญพืชที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ของอร่อยและดีมีอยู่จริง
ข้าวฟ่าง มีชื่อเรียกแบบสามัญว่า sorghum เป็นธัญพืชที่อยู่ในวงศ์พืชตระกูลหญ้า มีอายุยืนยาวเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น แต่กลับให้คุณประโยชน์มากมายกับร่างกายหากได้ทานเข้าไป โดยธัญพืชชนิดนี้เป็นแหล่งรวมสารอาหารสำคัญหลายชนิดด้วยกัน มีทั้งแร่ธาตุและวิตามินที่ดีต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นแมกนีเซียม, โพแทสเซียม, สังกะสี, เหล็ก, วิตามินบี และใยอาหาร แถมยังมีคุณสมบัติในการรักษาโรคเบาหวานได้ เนื่องจากช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในต่ำลง มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ มีส่วนช่วยในการลดระดับไขมัน ที่สำคัญยังช่วยปรับสมดุลให้กับระบบย่อยอาหารได้อีกด้วย
แจกสูตรข้าวฟ่างน้ำกะทิ เมนูขนมหวานของไทย หาทานยากแต่ทำง่าย อยากกินก็เข้าครัวได้เลย
ส่วนผสมในการทำ
- เมล็ดข้าวฟ่าง 1 ส่วน
- น้ำตาลทราย 2 ส่วน
- น้ำเปล่า 3 ส่วน
- แป้งมัน ¼ ส่วน
- น้ำกะทิคั้นสดและเกลือ ปริมาณตามชอบ
ขั้นตอนในการทำ
- ขั้นตอนแรกเริ่มจากการล้างทำความสะอาดวัตถุดิบหลักจนกว่าน้ำที่ล้างจะใสสะอาด
- จากนั้นตั้งหม้อแล้วเทน้ำเปล่าลงไป ต้มให้เดือดแล้วใส่เมล็ดวัตถุดิบหลักลงไปคนอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการไหม้ติดหม้อ ทำการคนไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะสุกพองและอิ่มตัวกำลังดี
- ปรุงรสด้วยน้ำตาล แล้วคนส่วนผสมให้เข้ากันดี หลังจากนั้นให้ละลายแป้งมันก่อนจะเทตามลงไปในหม้อ คนให้เข้ากันอีกครั้ง จึงปิดไฟ
- ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการเตรียมน้ำกะทิ เริ่มจากคั้นน้ำกะทิสดหรือใช้น้ำกะทิที่ซื้อมาก็ย่อมได้ ผสมเกลือป่นโดยที่ไม่ต้องตั้งไฟ เสิร์ฟคู่กัน อร่อยล้ำแน่นอน