มั่นใจเลยว่าหลายคนต้องเคยได้เรียนรู้กันมาผ่านวิชาวิทยาศาสตร์เบื้องต้นเกี่ยวกับคุณสมบัติของ วิตามินบี ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา แต่บางคนไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าวิตามินชนิดนี้ถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภท และแต่ละประเภทก็มีส่วนช่วยในการบำรุงส่วนต่าง ๆ ของเราร่างกายที่แตกต่างกันออกไป สามารถพบได้ในอาหารธรรมชาติ รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งเข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ที่จะเพิ่มความสะดวกสบายให้กับการดูแลตัวเอง วันนี้ Foodspace จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับวิตามินชนิดนี้ไปพร้อมกัน ไปติดตามกันได้เลย
แนะนำประโยชน์ของวิตามินบีแต่ละประเภท ให้ผลดีกับร่างกายอย่างไร เรียนรู้ไว้แล้วเลือกทานให้เป็น
- Vitamin B1 (Thiamine) : วิตามินชนิดที่มีความสำคัญต่อระบบประสาทเป็นอย่างมาก เพราะจำเป็นต่อการสร้างสารสื่อสารประสาท ช่วยดึงสารอาหารหมวดหมู่คาร์โบไฮเดรตผ่านกระบวนการเผาผลาญกลายเป็นพลังงานให้ร่างกายได้นำไปใช้กำจัดสิ่งต่าง ๆ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันได้ดี แถมยังช่วยลดความตึงเครียด และช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าได้อีกด้วย โดยอาหารที่อัดแน่นไปด้วยวิตามินชนิดนี้ ได้แก่ พวกคาร์โบไฮเดรตทั้งหลายรวมไปถึงเนื้อหมู นม ไข่ไก่ ตับ และโยเกิร์ต
- Vitamin B2 (Riboflavin) : มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นส่วนสำคัญสำหรับการหายใจระดับเซลล์ ช่วยปกป้องเซลล์ไม่ให้ถูกทำร้าย เป็นตัวช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต ช่วยบำรุงให้ผิวพรรณ เส้นผม และเล็บสมบูรณ์แข็งแรง ทำให้ดูอ่อนกว่าวัย ช่วยในการมองเห็น ทั้งยังปกป้องหัวใจให้ห่างไกลโรค หรือใครที่มีอาการปวดหัวบ่อย ๆ ก็ต้องเติมวิตามินชนิดนี้หน่อย เลือกทานจากผลิตภัณฑ์นม ขนมปัง ซีเรียล ผักใบเขียว และกล้วย
- Vitamin B3 (Nicotinamide) : ช่วยกระตุ้นให้สมองและระบบประสาททำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปวดหัวไมเกรนก็บรรเทา ป้องกันโรคซึมเศร้าที่อาจมาจากความเครียดเรื้อรัง นอกจากนี้ วิตามินบี 3 ยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นไขมันชนิดดี เมื่อระบบไหลเวียนโลหิตทำงานเป็นปกติ ก็ส่งผลให้ช่วยลดสิวจากการนอนไม่เพียงพอได้ด้วย โดยต้องบำรุงอาหารประเภทเนื้ออย่าง เป็ด ไก่ ปลา หรือผักทั้งผักชะอม ใบชะพลู เห็ด และอาโวคาโด
- Vitamin B4 (Choline) : เป็นชนิดที่ร่างกายสามารถผลิตได้เองจากตับ มีหน้าที่เข้าไปช่วยพัฒนาสมอง สร้างสารสื่อประสาท ช่วยให้มีความจำที่ดีขึ้น และลดการสะสมไขมันในเลือด
- Vitamin B5 (Pantothenic acid) : เป็นวิตามินอีกหนึ่งชนิดที่จำเป็นต่อร่างกายในวันที่พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว แต่ยังไม่รู้สึกคลายความเครียดลงไป ให้ลองหันมาบำรุงด้วยข้าวโพด ไข่แดง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ หรือ ถั่วเหลือง ซึ่งมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาท ช่วยกระตุ้นให้ต่อมหมวกไตผลิตฮอร์โมนบรรเทาความเครียดให้เบาบาง ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ที่สำคัญยังมีคุณสมบัติช่วยลดริ้วรอย รอยตีนกา ฝ้า กระ และจุดด่างดำ ซึ่งเป็นเหตุแห่งความร่วงโรยของวัย
- Vitamin B6 (Biotin) : หากสังเกตอาการของตัวเองแล้วเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน ร่วมด้วยกันอาการกระสับกระส่าย ให้คาดเดาไว้ก่อนว่าตอนนี้ถึงจุดที่ต้องบำรุงด้วยวิตามินชนิดนี้ให้มากขึ้น โดยเลือกทานเป็นเนื้อไก่ ปลาทูน่า ปลาแซลมอน กล้วย แตงโม เมล็ดทานตะวัน ชีส ข้าวกล้อง หรือแครอท จะช่วยปรับสมดุลให้ฮอร์โมนกลับมาทำงานได้ปกติ เหมาะกับสาว ๆ ช่วงก่อนมีประจำเดือน
- Vitamin B7 (Biotin) : วิตามินชนิดนี้จะเน้นไปที่การบำรุงความเสื่อมโทรมให้กลับมาดูมีชีวิตชีวา เปล่งปลั่งมากขึ้น เสริมสร้างการเจริญเติบโต เติมพลังงาน และช่วยให้ระบบประสาทมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ลดความอ่อนเพลีย ช่วยให้วันที่ต้องลุยกิจกรรมหนัก ๆ สดใสขึ้นมาได้ ด้วยการทานข้าวบาร์เลย์ เนื้อสัตว์ เนื้อปลา มันฝรั่ง กะหล่ำดอก ไข่แดง หรือนม
- Vitamin B8 (Inositol) : วิตามินบีชนิดนี้มีความโดดเด่นในเรื่องของคุณสมบัติที่ช่วยปรับสมดุลสารเคมีภายในตัวเรา แน่นอนว่าจะส่งผลให้สามารถลดความเครียด ป้องกันโรคซึมเศร้า และคลายความวิตกกังวลได้
- Vitamin B9 (Folic acid) : ช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการทางประสาท อาการปวดหัว เวียนหัว เมื่อเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ป้องกันภาวะโลหิตจางโดยเข้าไปกระตุ้นการทำงานของกระบวนการผลิตเม็ดเลือดแดง ช่วยลดอาการขี้หลงขี้ลืม ทั้งยังเหมาะกับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เพราะมีส่วนในการสร้างเสริมระบบประสาทให้กับลูกน้อย ซึ่งจะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อทานร่วมกับ Vitamin B12 เพียงแค่เลือกทานฟักทอง แครอท ตับ ผักใบเขียว หน่อไม้ฝรั่ง ไข่แดง และพืชตระกูลถั่ว
- Vitamin B12 (Cobalamin) : เป็นวิตามินชนิดสำคัญที่ร่างกายขาดไม่ได้ เพราะนอกจากจะมีส่วนช่วยบำรุงระบบประสาทแล้ว ยังช่วยผลิตธาตุเหล็กให้กับเซลล์เม็ดเลือดแดง จะแสดงผลอย่างมีประสิทธิภาพเมื่อทำงานร่วมกับ Vitamin B9 อย่าลืมบำรุงตัวเองด้วยการทานหอย ผลิตภัณฑ์จากนม ไข่ไก่ เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ และเต้าหู้
ทานวิตามินบีให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด กินตอนไหนถึงดี วันนี้มีคำตอบ พร้อมแล้วไปดู!
เห็นได้ชัดเลยว่าร่างกายของเราสามารถรับวิตามินบีได้ง่าย เพียงแค่เลือกทานอาหารให้หลากหลายมากขึ้น แต่หากยังคิดว่ายังไม่เพียงพอ หรือไม่มีเวลาหาวัตถุดิบเหล่านั้นมาทำเมนูบำรุงตัวเอง ก็สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์วิตามินชนิดเม็ดมาบำรุงเพิ่มเติมได้ โดยการทานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด แนะนำให้เลือกทานพร้อมกับมื้ออาหารและหลังอาหาร และควรทานคู่กับวิตามินซี เพราะจะช่วยให้ระบบดูดซับดึงเอาวิตามินไปใช้ได้มากที่สุด