ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนระอุของช่วงฤดูร้อนในเมืองไทย อุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลให้เกิดภาวะร่างกายขาดน้ำได้ และแน่นอนว่าหากปล่อยไว้ให้เป็นเช่นนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องดี เพราะอาจทำให้สมดุลในร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อเนื่องให้เกิดอาการอื่น ๆ ตามมา
ที่สำคัญอาการดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย ยิ่งชาวเมืองที่มีรูปแบบการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ ประกอบกับงานที่แสนยุ่งเหยิงในแต่ละวัน อาจทำให้หลงลืมการดูแลสุขภาพไปได้ง่าย ๆ ส่งผลให้ร่างกายอยู่ภาวะที่ขาดน้ำโดยไม่รู้ตัว
ในบทความนี้ Foodspace จะชวนทุกคนไปเติมน้ำให้ร่างกาย ด้วยอาหารการกินที่ไม่ได้มีแค่การดื่มน้ำเท่านั้น แต่ก่อนอื่น ตามเราไปทำความรู้จักกับภาวะการขาดน้ำของร่างกายกันก่อน เพื่อให้เข้าใจและสามารถรับมือได้อย่างถูกวิธี
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับภาวะร่างกายขาดน้ำ เพื่อหาวิธีป้องกันได้อย่างถูกต้อง หน้าร้อนปีนี้ต้องรอด!
อย่างที่เราทราบกันดีว่า ร่างกายของคนเราประกอบไปด้วยน้ำกว่า 60% ของน้ำหนักตัว แต่ถึงโครงสร้างร่างกายจะเป็นเช่นนั้น ในแต่ละวันร่างกายของเราก็สูญเสียน้ำไปกับการทำกิจกรรมต่าง ๆ ระหว่างวันเป็นอย่างมาก ยิ่งในช่วงที่อาการร้อนเป็นพิเศษแล้วนั้น ยิ่งเสี่ยงทำให้ร่างกายขาดน้ำเป็นอย่างยิ่ง
อาการที่เรียกกันว่า “ภาวะขาดน้ำ” เป็นภาวะที่ร่างกายสูญเสียน้ำไปมากกว่าที่ได้รับมา สาเหตุก็อาจเกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัยด้วยกัน ทั้งการดื่มน้ำน้อยเกินไป บางคนร่างกายอาจขับเหงื่อออกมามากเกินไป ปัสสาวะมากเกินไป ท้องเสีย หรืออาเจียน
ทำให้ร่างกายมีน้ำไม่เพียงพอที่จะไปใช้ สำหรับการทำงานของระบบต่าง ๆ ทั้งยังทำให้ระบบไหลเวียนของเหลวในร่างกายทำงานผิดปกติ ส่งผลต่อหัวใจ ไต สมอง ทางเดินอาหาร รวมไปถึงกล้ามเนื้อ โดยอาการดังกล่าวสามารถเกิดได้หลายระดับ เริ่มตั้งแต่เล็กน้อย ปานกลาง หรือรุนแรงจนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ชี้ให้ชัด สัญญาณเตือนร่างกายขาดน้ำ อาการแบบไหนควรระวัง ต้องคอยสังเกตตัวเองอยู่เสมอ
หากเกิดภาวะร่างกายขาดน้ำ ร่างกายก็แสดงอาการต่าง ๆ ออกมาคล้ายเป็นสัญญาณเตือน สังเกตได้จากความรู้สึกกระหายน้ำ ปากแห้งหรือน้ำลายเหนียว อยากกินน้ำตาลหรือของหวาน ไม่ปัสสาวะ หรือปัสสาวะน้อย ปัสสาวะสีเข้ม ท้องผูก ผิวแห้ง เย็น ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย หากอาการรุนแรงจะมีอาการวิงเวียนศีรษะ หัวใจเต้นเร็ว และหากมีอาการหายใจเร็วร่วมด้วย ก็มีโอกาสพัฒนาสู่อาการของโรคลมแดด (Heat stroke) ซึ่งอาจทำให้ถึงขั้นหมดสติได้ โดยสามารถสังเกตตัวเองได้ด้วยวิธีเหล่านี้
- ปัสสาวะน้อยลง ทั้งยังสีเข้มกว่าปกติ โดยให้สังเกตความถี่ในการปัสสาวะ ไม่ควรเกิน 4-6 ชั่วโมงต่อ 1 ครั้ง หรือหากน้อยกว่า 4 ครั้งในแต่ละวัน หมายความว่าร่างกายอาจกำลังขาดน้ำอยู่นั่นเอง ส่วนสีของปัสสาวะก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่บ่งบอกอาการดังกล่าวได้ เพราะสีที่ปกติควรเป็นสีเหลืองใส เมื่อเริ่มมีสีเหลืองเข้ม ร่างกายจะต้องได้รับน้ำมากขึ้น
- สุขภาพผิว เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะบอกได้ว่าร่างกายกำลังขาดน้ำหรือไม่ ให้ตรวจสอบความยืดหยุ่นของผิว ซึ่งทำได้ง่าย ๆ โดยการ ดึงหนังบริเวณหลังมือขึ้นมาแล้วปล่อย ถ้าขาดน้ำก็จะมีความยืดหยุ่นน้อยกว่าปกติ นั่นคือใช้เวลานานกว่า 2-3 วินาที กว่าจะกลับมาอยู่ในสภาพเดิม ในบางคนผิวหนังอาจเป็นขุย มีริ้วรอย และหมองคล้ำ
- ภาวะร่างกายขาดน้ำสามารถเช็คได้จากการหมุนเวียนเลือดบริเวณปลายนิ้ว วิธีนี้ให้บีบปลายนิ้วค้างไว้เป็นเวลา 2 – 3 วินาที แล้วจึงปล่อยออก สังเกตว่าเล็บจะค่อย ๆ เปลี่ยนสีกลับมาเป็นเช่นเดิมภายในเวลาไม่เกิน 3 วินาที หากมากกว่านั้นอาจแปลว่าร่างกายมีการหมุนของเหลวไม่ดีเท่าที่ควร
ร่างกายขาดน้ำกินอะไรดี แนะนำผักและผลไม้ช่วยคลายร้อน ดีต่อสุขภาพ เติมความสดชื่นในช่วงซัมเมอร์
หลายคนเริ่มเกิดความกังวลว่า อากาศร้อนแบบนี้ อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ง่ายกว่าปกติ ทำให้ในวันนี้ เราจะมาแนะนำวิธีการดูแลตัวเองง่าย ๆ ก่อนที่จะเกิดอาการขาดน้ำ หลักสำคัญที่สามารถเริ่มต้นได้ไม่ยากนั่นคือ การดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย ในคนทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 8-10 แก้ว หรือ 1.5-2 ลิตรต่อวัน เพื่อป้องกันผลกระทบในด้านลบต่อร่างกาย
นอกจากนี้ยังการเพิ่มปริมาณน้ำให้กับร่างกาย ไม่ได้มีเพียงการดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น แต่สามารถรับได้จากการกินผักและผลไม้ใกล้ตัวที่อุดมไปด้วยน้ำ เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มเติมเข้าไปด้วย ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง ลดความร้อนและทำให้สดชื่นขึ้นมาได้ ที่สำคัญยังช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเลือกทานผักและผลไม้คลายร้อนได้หลากหลายชนิด ตัวอย่างเช่น
- แตงกวา : ประกอบไปด้วยน้ำกว่า 95% มีวิตามินเค โพแทสเซียม และแมกนีเซียม แถมยังแคลอรีต่ำช่วยควบคุมน้ำได้ดี
- ขึ้นฉ่ายฝรั่ง : ผักแคลอรีต่ำที่อุดมไปด้วยน้ำ 95% มาพร้อมกับไฟเบอร์ วิตามินเอ และโพแทสเซียม
- ผักกาดแก้ว : ผักชนิดนี้ก็มีน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญสูงถึง 95.64% เต็มไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุอย่างไฟเบอร์ วิตามินเอ วิตามินเค โพแทสเซียม และซิงค์ ทานแล้วดีต่อสุภาพ เนื่องจากมีคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลที่ต่ำ
- แตงโม : ผลไม้ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบสูงถึง 92% ทั้งยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามินซี วิตามินเอ และแมกนีเซียม แม้จะมีรสหวานฉ่ำ แต่แคลอรีต่ำหายห่วงเรื่องความอ้วน
สตรอว์เบอร์รี่ : ผลไม้ลูกเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยน้ำกว่า 91% อัดแน่นไปด้วยคุณค่าทางอาหาร มีทั้งไฟเบอร์ วิตามินซี โฟเลต แมงกานีส และสารต้านอนุมูลอิสระ