นมเปรี้ยว เป็นเครื่องดื่มที่เราต่างรู้กันดีว่ามีส่วนช่วยในการเพิ่มจุลินทรีย์ที่ดีต่อร่างกาย แถมยังขึ้นชื่อในเรื่องการปรับระบบขับถ่ายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เชื่อว่าหลายคนยังคงตั้งคำถามสงสัยกันไปว่า นมเปรี้ยวแก้ท้องเสียได้จริงหรือไม่? หากเลือกดื่มในช่วงที่กำลังท้องเสียอยู่นั้น จะสามารถดื่มได้จริงหรือ? วันนี้ Foodspace จะพาไปดูความสัมพันธ์ของนมรสเปรี้ยวกับการทำงานของระบบร่างกาย เมื่อได้รับเครื่องดื่มดังกล่าวเข้าไป พร้อมแล้วได้เช็คข้อมูลกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ก่อนดื่มนมเปรี้ยว สังเกตระดับของอาการท้องเสีย ป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายขั้นรุนแรง
ประโยชน์ของนมเปรี้ยวที่โดดเด่นคือ เมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะเข้าไปเพิ่มจุลินทรีย์ในลำไส้ เพื่อทดแทนจุลินทรีย์ที่สูญเสียไปกับการขับถ่าย และเข้าไปช่วยปรับสมดุลให้ลำไส้ กลับมาอยู่ในสภาวะที่สามารถทำงานได้ตามปกติ ดังนั้นหากเลือกดื่มเป็นประจำ ก็จะช่วยลดปัญหาท้องเสียและท้องผูกได้ หรือจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ จะช่วยให้การขับถ่ายนั้นเป็นปกติในทุก ๆ วัน นั่นเอง
แต่ใช่ว่าผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ตจะมีประโยชน์ทุกกล่อง เพราะจุลินทรีย์ที่ดีต่อร่างกายนั้น ไม่ได้ถูกบรรจุอยู่ในนมทุกแบรนด์ ทุกยี่ห้อ เพราะกระบวนการผลิตส่วนใหญ่ จำเป็นต้องผ่านความร้อนสูง อาจส่งผลให้จุลินทรีย์ตายไปจนหมด ดังนั้นเวลาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ให้สังเกตจากฉลากข้างกล่องว่า มีการระบุถึงจุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ซึ่งหากเขียนไว้ว่าเป็นนม UHT ผลิตภัณฑ์ที่สามารถเก็บไว้ได้นานกว่าปกติ นั่นหมายความว่า จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อลำไส้สูญเสียไปกับกระบวนการผลิตที่ใช้ความร้อนสูงแล้ว
การดื่มนมที่มีจุลินทรีย์สูงเพื่อให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น ควรเลือกดื่มตามอาการท้องเสียที่เป็นอยู่ ให้สังเกตระยะของอาการโดยแบ่งเป็น
- ท้องเสียเฉียบพลัน : มีสาเหตุหลักมาอาหารที่รับประทานเข้าไป ที่อาจมีการปนเปื้อนด้วยเชื้อโรค ทำให้ร่างกายแสดงอาการต่อต้านและพยายามจะขับออกมาผ่านการขับถ่าย อาการดังกล่าวก็จะมีทั้งปวดท้องโครกคราก ถ่ายเป็นน้ำติดต่อกันหลายครั้ง และในบางรายอาจมีไข้ร่วมด้วยหากติดเชื้อ ระหว่างมีอาการท้องเสียเฉียบพลัน หรืออาการดีขึ้นจนเข้าสู่ช่วงพักฟื้น แนะนำให้เลือกทานอาหารอ่อนที่มีรสจืด งดอาหารมัน อาหารรสจัด ทั้งหวานจัด เค็มจัด รวมถึงอาหารเปรี้ยวจัดและผลิตภัณฑ์จากนมทุกประเภทด้วย
- ท้องเสียเรื้อรัง : จะเป็นการถ่ายเหลวแบบเป็น ๆ หาย ๆ ตลอดเดือน หรือกินเวลายาวนานเป็นปี อาจมีที่มาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่แปรปรวนของระบบทางเดินอาหารและลำไส้ หรือจะเป็นลำไส้ที่ไวต่อสิ่งเร้าที่เรียกกันว่า “ธาตุอ่อน” ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ในบางคนเท่านั้น โดยจะไม่แสดงอาการรุนแรง จะมีเพียงอาการถ่ายเหลวหลังจากรับประทานอาหาร 2-3 ครั้ง และจะไม่เกิน 5 ครั้งก็หาย อาหารที่กระตุ้นให้เกิดอาการเหล่านี้ได้ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารรสจัด เปรี้ยวจัด เผ็ดจัด อาหารมัน น้ำส้มสายชู กะทิ สุรา เบียร์ นมสด ชา หรือกาแฟ หรือในบางครั้งก็เกิดจากความเครียดได้เช่นกัน
ส่องประโยชน์ของนมเปรี้ยวที่ใครหลายคนคาดไม่ถึง ดื่มง่าย ได้ประโยชน์หลากหลาย เหมาะกับสายสุขภาพ
- ประโยชน์ข้อแรกของนมเปรี้ยวที่เราได้กล่าวถึงไปแล้วคือ การเป็นตัวช่วยแก้ปัญหาท้องเสีย แล้วกระบวนที่ช่วยให้แก้อาการท้องเสียนั้นเป็นอย่างไรนั้น คำตอบก็คือ ในนมที่เต็มไปด้วยจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลากหลายชนิด ยังมีกรดแลคติก ที่จะทำงานร่วมกันเพื่อให้ลำไส้สามารถทำงานได้อย่างปกติ เมื่อดื่มเข้าไปก็จะทำให้อาการท้องเสียทุเลาลงไปพร้อม ๆ กับเคลือบและรักษาแผลในกระเพาะที่เกิดขึ้นได้ด้วย
- ข้อต่อไปจะเกี่ยวกับการทำงานของระบบย่อยอาหาร เนื่องจากจุลินทรีย์เป็นตัวการสำคัญที่เข้าไปช่วยกระตุ้นการผลิตเอนไซม์ในตับอ่อนและกระเพาะอาหาร ทำให้ร่างกายย่อยและขับกากของเสียออกมาได้ดี เหมาะกับคนที่มักประสบกับปัญหาท้องผูก
- ประโยชน์ของนมเปรี้ยวอีกอย่างหนึ่งที่ดีต่อร่างกายมาก ๆ นั่นคือ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ด้วยจุลินทรีย์ที่มีชื่อว่า “แลคโตบาซิลัส” ที่เข้าไปควบคุมระดับคอเรสเตอรอลในเลือดให้สมดุล แถมยังช่วยลดไขมันสะสมที่อยู่ในเส้นเลือดและผนังหลอดเลือดได้อีกด้วย ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะยังมีส่วนช่วยยับยั้งแบคทีเรียในลำไส้ ซึ่งทำหน้าที่สร้างไนเตรสที่เป็นหนึ่งในสาเหตุของโรคมะเร็ง
- นอกจากนี้นมที่อุดมไปด้วยจุลินทรีย์ยังมีคุณสมบัติที่น่าสนใจ เป็นความสามารถในการช่วยสังเคราะห์วิตามินบี 1 ตัวช่วยป้องกันอาการเหน็บชา และวิตามินเค ซึ่งมีความสำคัญในการทำให้เลือกแข็งตัวได้ไวเมื่อเกิดบาดแผล
บทสรุป หากต้องการมีระบบขับถ่ายดี ไม่ควรดื่มแค่นมเปรี้ยว เลือกทานอาหารให้ครบถ้วนจึงจะดีที่สุด
ถึงแม้ว่าการดื่มนมเปรี้ยวเป็นประจำทุกวันจะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี ทั้งยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง แต่ก็ไม่ควรหลงลืมไปว่า ธรรมชาติจะสร้างสมดุลที่ดีที่สุดให้กับร่างกาย ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีกากใยสูงในปริมาณที่พอเหมาะ ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการปรับสมดุลของลำไส้ได้เช่นกัน จึงจำเป็นต้องเลือกทานผักและผลไม้สดร่วมด้วย ที่สำคัญควรจัดให้อยู่ในทุกมื้อจึงจะดีที่สุด