โป๊ยกั๊ก หนึ่งในสมุนไพรที่มีอยู่ในตำรับยาจีนโบราณ โดดเด่นด้วยสรรพคุณทางยาที่ส่งผลดีต่อร่างกาย ทั้งยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ที่สำคัญยังเป็นที่รู้จักในฐานะเครื่องเทศครัวไทยที่นิยมนำมาประกอบอาหาร ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมให้แต่ละจานน่าทานมากขึ้น
ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเครื่องเทศแห้งชนิดนี้ให้มากขึ้น เริ่มตั้งแต่ที่มาที่ไป ประโยชน์ที่ให้ได้มากกว่าการเป็นสมุนไพร รวมถึงข้อควรระวังในการใช้ ตลอดจนตัวอย่างสูตรอาหารและเครื่องดื่ม จะมีอะไรน่าสนใจรอให้ติดตามอยู่บ้าง ไปดูพร้อมกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโป๊ยกั๊ก เครื่องเทศมากประโยชน์
โป๊ยกั๊ก เป็นเครื่องเทศที่ได้จากผลของพืชชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นที่รู้จักจากชื่อเสียงด้านสมุนไพรจีน โดยพบในประวัติศาสตร์จีนยาวนานกว่า 1,300 ปี นับเป็นเครื่องเทศอีกหนึ่งชนิดที่ใช้ในการปรุงอาหารตามตำรับจีนดั้งเดิม
แน่นอนว่าถิ่นกำเนิดของโป๊ยกั๊กจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ นอกจากประเทศจีน พบได้ทั้งในภาคตะวันออกเฉียงใต้และทางตอนใต้ของจีน และยังมีการระบุเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ถิ่นกำเนิดของสมุนไพรชนิดนี้อาจอยู่ในพื้นที่ชายฝั่งอ่าวตังเกี๋ยในประเทศเวียดนาม และในไทยเองก็ได้มีการนำเข้ามาใช้ประโยชน์มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ประโยชน์ของโป๊ยกั๊กค่อนข้างหลากหลาย เป็นสมุนไพรที่ให้กลิ่นหอมหวานอ่อน ๆ ส่วนรสชาติจะเป็นความเผ็ดร้อนเล็ก ๆ นิยมนำไปใช้ดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ และยังเป็นส่วนผสมสำคัญในอาหารประเภทตุ๋น โดยต้องผ่านการเผาไฟ หรือต้มให้หอมก่อน สามารถใส่ลงไปได้ทั้งดอก ไม่จำเป็นต้องหักหรือบดเป็นผง
นอกจากนี้ยังนิยมใช้แต่งกลิ่นขนมหวานและแต่งกลิ่นแอลกอฮอล์ ส่วนสรรพคุณทางยาที่ส่งผลดีต่อร่างกายก็มีมากมาย ทั้งช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ช่วยขับลม ขับเสมหะ รักษาอาการเหน็บชา แก้ปวดหลัง ท้องผูกและปัสสาวะขัด
ข้อแนะนำในการใช้โป๊ยกั๊กและข้อควรระวัง ทานอย่างไรให้ปลอดภัย
เมื่อได้เรียนรู้ประโยชน์ของโป๊ยกั๊กไปแล้ว ต่อไปจะเป็นการมากล่าวถึงข้อควรระวังกันบ้าง ความจริงข้อแรกที่ต้องรู้ก็คือ โป๊ยกั๊กที่ใช้นำมาประกอบอาหารกันในปัจจุบัน เป็นชนิดที่มาจากจีน ซึ่งแตกต่างจากของญี่ปุ่นที่เป็นพืชมีพิษ โดยสมุนไพรชนิดนี้ไม่เหมาะกับเด็ก สตรีมีครรภ์ รวมถึงผู้ที่เป็นโรคผิวหนังและผู้ที่มีภาวะร้อนใน
แชร์ 2 เมนูที่มีโป๊ยกั๊กเป็นส่วนผสม มัดรวมมาให้ทั้งเมนูอาหารคาวและเครื่องดื่ม
แน่นอนว่าหลายคนคงมีโอกาสได้เห็นสมุนไพรอย่าง “โป๊ยกั๊ก” กันอยู่บ่อย ๆ นอกจากจะมีสรรพคุณทางยามากมายดังที่เราได้กล่าวไปแล้ว ยังเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในเมนูอาหารไทยที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีหลายเมนูเลยทีเดียว ในหัวข้อนี้เราจึงหยิบเอาตัวอย่างของเมนูยอดนิยมที่ทานกันเป็นประจำอยู่แล้วมาฝากกัน หากใครยังไม่เคยลองทำเมนูเหล่านี้ สามารถหยิบไปเป็นไอเดียสำหรับมื้อต่อไปได้เลย ทำง่าย ไม่ยุ่งยาก ที่สำคัญดีต่อสุขภาพ
1.ข้าวขาหมู
ส่วนผสม
ขาหมู ส่วนขาหลัง 1 ขา
อบเชย 30 กรัม
เห็ดหอมสด 100 กรัม
โป๊ยกั๊ก 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ
ชวงเจีย หรือ พริกหอม 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียม 20 กรัม
ซอสหอยนางรม 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 2,500 มิลลิลิตร
น้ำตาลปี๊บ 6 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 18 ช้อนโต๊ะ
รากผักชี 10 กรัม
ผักกาดดอง 1 หัว
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียม 10 กรัม
พริกแดงจินดา 30 กรัม
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชาน้ำส้มสายชู 6 ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำ
เริ่มต้นจากการนำขาหมูมาล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย ซับให้แห้งแล้วแบ่งส่วนเนื้อออกจากส่วนหนัง จากนั้นนำขาหมูลงไปทอดด้วยไฟกลาง แต่ละด้านใช้เวลาประมาณ 5 นาที สังเกตเมื่อหนังแห้งตึงก็ตักขึ้นมาพักไว้ได้เลย
ลำดับต่อไปเป็นการเตรียมเครื่องทำขาหมู โดยนำกระเทียมไทยมาโขลกให้พอแตก ตามด้วยพริกไทยเม็ด ทุบให้พอแตกแล้วนำไปใส่ในกระปุกกรองต้ม ใส่ชวงเจียและอบเชยลงไป ตั้งหม้อแล้วใส่น้ำตาลปี๊ปลงไปเคี่ยวให้ละลาย เติมน้ำเปล่าลงไปแล้วรีบคนเพื่อไม่ให้น้ำตาลไหม้ติดกัน จากนั้นจึงใส่ซอยหอยนางรมและซีอิ๊วขาวลงไปปรุงรส แล้วใส่รากผักชีและอบเชยตามลงไป
รอให้น้ำเดือดก็สามารถใส่ขาหมูที่เตรียมไว้ลงไปต้มด้วยไฟอ่อนค่อนไปทางปานกลาง ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง เมื่อครบเวลาแล้วให้พักไว้อย่างน้อย 12 ชั่วโมง หรือข้ามคืน แล้วนำมาอุ่นอีกครั้ง ใช้เวลา 30-60 นาที
2.ไวน์เครื่องเทศ
ส่วนผสมสำหรับข้าวทอด
ไวน์แดง 1 ขวด
กานพลู 5 ดอก
อบเชย 2 กิ่ง
ส้มหั่นแว่น 1 ผล
โป๊ยกั๊ก 3 ดอก
น้ำตาลทราย 2-3 ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำ
นำไวน์แดง อบเชย กานพลู โป๊ยกั๊ก ส้ม และน้ำตาลทรายมาต้มรวมกันด้วยไฟอ่อน เป็นเวลานานประมาณ 1-2 ชั่วโมง โดยต้องคอยระวังไม่ให้เดือด เมื่อครบเวลาแล้วให้กรองเอาแต่น้ำ เสิร์ฟตอนอุ่น ๆ รับรองอร่อยถูกใจแน่นอน
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารเพิ่มเติมได้ที่ Foodspace