ลูกผักชี หนึ่งในเครื่องเทศคู่ครัวไทยที่อยู่เบื้องหลังความหอมอร่อยของอาหารจานโปรดที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน วันนี้เราจึงไม่พลาดที่จะพาสายกินทั้งหลายไปทำความรู้จักกับเครื่องเทศชนิดนี้ให้มากยิ่งขึ้น พร้อมกับแนะนำเมนูอาหารที่ใช้เครื่องเทศชนิดนี้เป็นส่วนประกอบ ทำง่าย แถมได้ประโยชน์
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักลูกผักชีแบบเจาะลึก
หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่า ลูกผักชีเป็นส่วนประกอบสำคัญในเมนูอาหารไทยหลากหลายประเภท มักถูกนำไปคั่วแล้วโขลกให้ละเอียดก่อนนำมาประกอบอาหาร โดยได้มาจากดอกของผักชีที่นำไปตากจนแห้ง ช่วยเพิ่มความหอมให้อาหาร นิยมนำมาใช้การหมักหมูรวมถึงเนื้อสัตว์ชนิดอื่น นอกจากนี้ยังสามารถนำไปสกัดเป็นน้ำมันหอยระเหยได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ลูกผักชียังมีคุณค่าทางอาหารที่ไม่แพ้สมุนไพรชนิดอื่น ๆ สามารถช่วยบำรุงร่างกาย เสริมประสิทธิภาพการทำงานของลำไส้ ช่วยให้ตับสามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น ลดปัญหาไขมันในเลือดสูง ลดความชื้นในปอดซึ่งเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้และไอเรื้อรัง ป้องกันโรคมะเร็ง และมีสรรพคุณด้านความงามอีกหลายประการ
บอกต่อ 3 สูตรการทำเมนูอาหารแสนอร่อยจากลูกผักชี
1.หมูทอดกระเทียมพริกไทยลูกผักชี
ส่วนผสม
เนื้อหมูสันนอกมีติดมันเล็กน้อย 500 กรัม, เม็ดพริกไทย 1 ช้อนโต๊ะ, กระเทียม 2 หัวใหญ่, แป้งทอดกรอบ 3 ช้อนโต๊ะ, ลูกผักชี 1/2 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลหญ้าหวาน 5 ซีซี, ซอสเห็ดหอม 2 ช้อนโต๊ะ, ซอสคิโคแมน 1 ช้อนโต๊ะ, ซอสปรุงรสฝาเขียว 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำมันพืช 100 ซีซี, ซอสทาคูมิ 1 ช้อนชา, แตงกวา 2-3 ลูก
วิธีการทำ
หั่นหมูเป็นชิ้นพอดีคำ จากนั้นโขลกลูกผักชี พริกไทย และกระเทียมให้ละเอียด นำไปหมักกับเนื้อหมูที่หั่นเตรียมไว้ ตามด้วยแป้งทอดกรอบ ซอสเห็ดหอม ซอสปรุงรสฝาเขียว ซอสคิโคแมน ซอสทาคูมิ และหญ้าหวาน คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากันดี นวดเบา ๆ เพื่อให้เครื่องเทศทั้งหมดแทรกซึมเข้าไปในเนื้อหมู หมักไว้ในตู้เย็นเป็นเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
เมื่อครบเวลาแล้ว เตรียมตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชลงไป รอจนน้ำมันร้อนแล้วจึงเร่งไฟให้แรงขึ้น เพื่อเป็นการไล่น้ำมันที่อยู่ในเนื้อหมู จากนั้นใส่เนื้อหมูที่หมักเตรียมไว้ลงไปทอด แนะนำให้คนส่วนผสมในกระทะตลอดเวลา ป้องกันไม่ให้เนื้อหมูไหม้ คนต่อไปเรื่อย ๆ จนเนื้อหมูเริ่มเกรียมและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ตักขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมันบนตะแกรง เพียงเท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟ
2.สะเต๊ะไก่
ส่วนผสม
สันในไก่ 300 กรัม, ผงขมิ้น 1/2 ช้อนชา, กระเทียมโขลก 5 กลีบ, ผงยี่หร่า 1/2 ช้อนชา, ผงกะหรี่ 1/2 ช้อนชา, ลูกผักชีโขลก 1/ 2 ช้อนชา, น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา, กะทิกล่องสำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ, นมสด 1 ช้อนโต๊ะ, ไม้สำหรับเสียบไก่สะเต๊ะ
ส่วนผสมน้ำจิ้มสะเต๊ะ
กะทิกล่อง 1 กล่องเล็ก, ถั่วป่น 1 ช้อนชา, เครื่องแกงมัสมั่น 1 ช้อนชา, น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนชา, เกลือ 1/4 ช้อนชา
ส่วนผสมน้ำอาจาด
แตงกวา หั่นเป็นแว่น 1 ลูก, พริกชี้ฟ้าแดง หั่นเป็นแว่น 1 ดอก, หอมแดง หั่นเป็นแว่น 1/2 หัว, น้ำสะอาด 3 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ, น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ, เกลือ 1/4 ช้อนชา
วิธีการทำ
นำเนื้อสันในไก่ไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นนำกระเทียม ผงขมิ้น ผงยี่หร่า ผงกะหรี่ น้ำตาลทราย และเมล็ดผักชีลงไปโขลกรวมกันให้ละเอียด เติมกะทิและนมสดลงไปเล็กน้อย เท ใส่ลงในชามผสมที่มีสันในไก่อยู่ คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันแล้วหมักทิ้งไว้ ใช้เวลาประมาณครึ่งวันจึงค่อยนำสันในไก่ที่ได้มาเสียบไม้ ก่อนนำไปปิ้งให้ชุบในน้ำกะทิจนทั่วก่อน เมื่อไก่เริ่มสุกก็ให้ทาด้วยน้ำกะทิซ้ำอีกครั้ง
นำไปเสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มสะเต๊ะที่มีขั้นตอนการทำง่าย ๆ เพียงแค่ตั้งหม้อใส่กะทิและเครื่องแกงมัสมั่นต้มบนไฟปานกลาง ผัดส่วนผสมจนกะทิแตกมันแล้วใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียกและเกลือตามลงไป คนให้เข้ากันอีกครั้ง ปิดท้ายด้วยการเติมถั่วป่น ส่วนน้ำอาจาดก็มีขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก ให้ผสมน้ำสะอาด น้ำส้มสายชู น้ำตาล และเกลือลงในหม้ออีกใบ ตั้งไฟอ่อน ๆ เคี่ยวส่วนผสมจนน้ำงวดลง ปิดเตา พักไว้ในเย็นแล้วราดลงบนแตงกวา หอมแดง และพริกชี้ฟ้าแดง
3.เนื้อทอด
ส่วนผสม
เนื้อส่วนสะโพก 400 กรัม, ดอกเกลือ 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลปี๊บ 0.5 กิโลกรัม, ลูกผักชี 1 กำมือ
วิธีการทำ
แล่เนื้อให้เป็นแผ่นบาง ๆ จากนั้นนำไปล้างด้วยน้ำสะอาด ซับน้ำให้แห้ง นำไปขยำกับน้ำตาลและเกลือ นวดให้ส่วนผสมเข้าเนื้อแล้วพักไว้ในตู้เย็นประมาณ 5 ชั่วโมง หากเลือกใช้เป็นน้ำตาลปี๊บให้คลุกเคล้าไปเรื่อย ๆ หรือนำไปเคี่ยวให้ละลายแล้วรอให้เย็นลงก่อนจะนำมาคลุกเคล้ากับเนื้อ
นำเนื้อที่ได้มาหั่นเป็นริ้วยาว ๆ แนะนำให้หั่นตามขวาง จะทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่ไม่เหนียว นำเนื้อไปตากโดยก่อนตากให้คลุกเคล้ากับลูกผักชีที่โขลกละเอียดแล้วอีกครั้ง ตากเพียงแดดเดียว เมื่อเริ่มแห้งให้กลับด้าน ไม่ต้องรอให้แห้งมากก็สามารถนำไปทอดได้แล้ว
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารเพิ่มเติมได้ที่ Foodspace