ขึ้นฉ่าย หนึ่งในส่วนประกอบในเมนูอาหารไทยที่สามารถพบเห็นกันได้บ่อย ๆ แต่น้อยคนนักจะรู้ถึงประโยชน์และสรรพคุณของผักชนิดนี้ วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพืชสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ตั้งแต่ถิ่นกำเนิด ประโยชน์และข้อควรระวังในการทาน รวมถึงแนะนำเมนูอาหารที่มีผักชนิดนี้เป็นส่วนประกอบ จะเป็นอย่างไรบ้าง ไปติดตามพร้อมกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ส่องถิ่นกำเนิดของขึ้นฉ่าย พร้อมแนะนำข้อมูลที่น่าสนใจแบบเจาะลึก
ขึ้นฉ่าย เป็นพืชผักที่มีต้นกำเนิดในแถบทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ ทั้งยังมีการสันนิษฐานถึงถิ่นกำเนิดอีกที่หนึ่งว่าอยู่ในทวีปเอเชีย สำหรับประเทศไทยนั้นนิยมปลูกอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ พันธุ์พื้นเมืองชนิดต้นเล็ก ซึ่งนำเข้ามาจากประเทศจีน จึงมีชื่อเรียกว่า “ขึ้นฉ่ายจีน” ส่วนอีกชนิดมีชื่อว่า “ขึ้นฉ่ายเทศ” หรือ “ขึ้นฉ่ายฝรั่ง” จะมีต้นสูงใหญ่และก้านใบที่ยาวกว่า
ประโยชน์ของขึ้นฉ่าย บริโภคอย่างไรให้ปลอดภัย
ขึ้นฉ่าย เป็นผักสีเขียวที่อัดแน่นไปด้วยสรรพคุณบำรุงร่างกาย สามารถทานเป็นผักสด หรือประกอบในอาหาร ทำเป็นชาชงดื่มหรือคั้นน้ำทานสดก็ได้เช่นกัน โดยประโยชน์ของขึ้นฉ่ายนั้นครอบคลุมหลายด้าน ทั้งช่วยป้องกันอาการอักเสบ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย บรรเทาอาการปวดตามข้อ ปวดศีรษะ ปวดประจำเดือน
ทั้งยังมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในเลือด ป้องกันภาวะความดันโลหิตสูง ปรับระดับคอเลสเตอรอล ช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ป้องกันการเกิดโรคเกี่ยวกับหัวใจ ขับปัสสาวะ
นอกจากนี้ยังมีกากใยสูง ช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ดี ทำให้เจริญอาหาร ช่วยย่อยอาหาร ขับลม บรรเทาอาการท้องอืด บำรุงตับและไต ที่สำคัญยังมีสารที่ออกฤทธิ์กล่อมประสาท ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
ส่วนโทษของขึ้นฉ่ายนั้นไม่ได้เป็นโทษร้ายแรง หากรับประทานอย่างพอเหมาะและระมัดระวัง โดยการใช้เพื่อต้องการสรรพคุณทางยา แนะนำให้ใช้ตามขนาดที่ตำรับยาบอกไว้ หญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง รวมถึงผู้ที่มีภาวะความดันต่ำ และผู้ป่วยที่มีอาการแพ้พืชในวงศ์ UMBELLIFERAE เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงและทำให้อาหารรุนแรงขึ้นได้
แบ่งปันเมนูแสนอร่อยจากขึ้นฉ่าย เมนูเพื่อสุขภาพทำง่าย ได้ประโยชน์
1.เต้าหู้ผัดขึ้นฉ่าย
ส่วนผสม
เต้าหู้เหลืองชนิดอ่อน 2 แผ่น
เห็ดหอมสด 2 ดอก
ขึ้นฉ่าย 4 ต้น
เห็ดฟาง 4 ดอก
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย ½ ช้อนชา
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืชสำหรับทอด 1 ถ้วย
วิธีการทำ
เริ่มต้นด้วยการเตรียมวัตถุดิบ โดยนำเห็ดฟางมาล้างให้สะอาด หั่นเป็นแว่นบาง ๆ ต่อด้วยการล้างขึ้นฉ่าย หั่นเป็นท่อนความยาวประมาณ 2 นิ้ว แล้วนำเห็ดหอมมาล้างทำความสะอาด หั่นเป็นเสี้ยว ๆ พักไว้ จากนั้นหั่นเต้าหู้เป็นลูกเต๋าชิ้นไม่เล็ก ไม่ใหญ่จนเกินไป
ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย ทอดหรือจี่เต้าหู้ให้พอเหลือง ตักขึ้นมาพักไว้ แล้วตั้งกระทะอีกครั้ง ใส่น้ำมันพืชที่เหลือลงไป รอให้น้ำมันร้อนจึงใส่เห็ดฟางและเห็ดหอมลงไปผัดด้วยไฟกลางจนสุก ใส่เต้าหู้ที่ทอดเตรียมไว้ตามลงไป ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและน้ำตาล เติมน้ำลงไปก่อนจะผัดให้เข้ากัน ปิดท้ายด้วยการใส่ขึ้นฉ่ายลงไปผัดคลุกเคล้าอีกครั้ง เพียงเท่านี้ก็ตักใส่จานเสิร์ฟได้เลย
2.ปลาทอดผัดขึ้นฉ่าย
ส่วนผสม
ปลากะพง 300 กรัม
กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
ขึ้นฉ่าย 5-6 ต้น
พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ 5 เม็ด
ขิงอ่อนซอย 2 ช้อนโต๊ะ
ต้นหอม 2-3 ต้น
น้ำตาล 1 ช้อนชา
แป้งทอดกรอบหรือแป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
เต้าเจี้ยว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืชสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันสำหรับทอดปลา
วิธีการทำ
เริ่มด้วยการเตรียมวัตถุดิบ ให้นำปลากะพงมาขอดเกล็ด ควักไส้ แล้วล้างทำความสะอาด จากนั้นแล่เอาแต่ส่วนเนื้อ หั่นเป็นชิ้นให้ได้ความหนาพอประมาณ พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ ระหว่างนั้นให้หันมาเตรียมผัก โดยล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย แล้วหั่นต้นหอมและขึ้นฉ่ายเป็นท่อน ความยาวประมาณ 2 นิ้ว ส่วนพริกชี้ฟ้าให้ซอยเป็นเส้นหรือจะหั่นเป็นแว่นเฉียง ๆ ก็ได้เช่นกัน และสับกระเทียมพอหยาบ พักไว้
ลำดับต่อมาให้เตรียมตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชลงไป กะปริมาณให้ท่วมเนื้อปลา ใช้ไฟปานกลางค่อนแรง รอให้น้ำมันร้อนแล้วจึงนำเนื้อปลาที่เตรียมไปคลุกในแป้งทอดกรอบก่อนนำลงไปทอด รอให้เนื้อปลาแห้งเหลืองก่อนจึงค่อยพลิกกลับด้าน เมื่อสุกทั่วทั้งชิ้นแล้วค่อยตักขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
ส่วนต่อไปจะเป็นการผัด ตั้งกระทะและใส่น้ำมันลงไปพอผัด เปลี่ยนไปใช้ไฟกลางค่อนอ่อน เมื่อน้ำมันเริ่มร้อนให้ใส่กระเทียมลงไปผัดจนหอม ใส่เต้าเจี้ยวลงไปเล็กน้อย ผัดให้เข้ากันดีแล้วเติมน้ำลงไป ปรุงรสด้วยน้ำตาล ซอสหอยนางรมและซีอิ๊วขาว ผัดจนส่วนผสมเข้ากันดีแล้วใส่เนื้อปลาลงไปผัดรวมกัน ตามด้วยขึ้นฉ่ายและต้นหอมที่หั่นเตรียมไว้ ใส่ขิงอ่อนและพริกชี้ฟ้าตามลงไป ผัดจนเริ่มสุก ก็สามารถปิดเตาแล้วยกเสิร์ฟคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารเพิ่มเติมได้ที่ Foodspace