ฤดูหนาว เป็นฤดูกาลที่มีผลไม้ออกมาให้ได้ทานกันอย่างหลากหลาย เสาวรส ก็เป็นหนึ่งในผลไม้หน้าหนาวที่โดดเด่นในเรื่องของรสชาติที่เปรี้ยวจี๊ด แต่กลับมีความกลมกล่อมจนไม่สามารถหยุดกินได้จริง ๆ แถมยังอุดมไปด้วยประโยชน์ที่ดีต่อร่างกาย ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน เพราะการดูแลสุขภาพที่ง่ายและไม่ต้องใช้ต้นทุนมากมายก็คือ การเลือกทานอาหารจากธรรมชาติที่มีประโยชน์และสามารถหาทานได้ง่ายในบ้านเรา หากรู้จักเลือกทานให้เป็น ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้ออาหารคลีนหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่าง ๆ วันนี้เราจึงขออาสาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับผลไม้หน้าหนาวยอดฮิตชนิดนี้กัน จะมีอะไรน่าสนใจรออยู่บ้าง ไปติดตามพร้อมกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
เรื่องน่ารู้ของเสาวรส ลักษณะ ถิ่นกำเนิดและสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยม
เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของเสาวรสที่สามารถเห็นได้ชัดเลยนั่นก็คือ กลิ่นที่หอม และรสชาติที่เปรี้ยวกำลังดี มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ในประเทศบราซิล, ปารากวัย และอาร์เจนตินา นอกจากจะนิยมนำมาทำเป็นเครื่องดื่มเติมความสดชื่นระหว่างวันแล้ว ยังสามารถนำเสาวรสมาประกอบทำอาหารเป็นเมนูต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย ทั้งคาวและหวาน
แม้จะหาทานได้ทั่วไปตลอดทั้งปี แต่ความจริงแล้วเป็นผลไม้ที่จะให้รสชาติและคุณภาพที่ดีที่สุดในฤดูหนาว เสาวรสมีลักษณะเป็นผลไม้ทรงกลมที่ผลอ่อนจะเป็นสีเขียว เมื่อสุกจะมีสีแตกต่างกันไปในแต่ละสายพันธุ์ ซึ่งในไทยเองก็มีให้เห็นหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งพันธุ์ผลสีม่วง พันธุ์ผลสีเหลือง และพันธุ์ลูกผสม แต่ละสีก็จะมีรสชาติแตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน
แนะนำประโยชน์จากการทานเสาวรส ผลไม้ยอดนิยมในหน้าหนาว
ประโยชน์ของเสาวรสที่ดีต่อร่างกายนั้นมีหลายด้านด้วยกัน เช่น เสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง มีส่วนช่วยบำรุงสายตา บำรุงหัวใจ ป้องกันกระดูกพรุน ช่วยบรรเทาอาการหอบหืด ทั้งยังมีส่วนช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญยังมีแคลอรีต่ำ เหมาะกับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก
นอกจากนี้ส่วนอื่น ๆ ของเสาวรสก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดที่นำไปสกัดเป็นน้ำมันพืชได้ ทำเนยเทียมได้ ส่วนเปลือกก็นำไปปั่นรวมกับน้ำตาลดื่มได้ แน่นอนว่ายอดอ่อนก็สามารถนำไปประกอบอาหารได้อีกหลายเมนู
แบ่งปัน 3 สูตรการทำเมนูขนมและเครื่องดื่มจากเสาวรส
1.น้ำเสาวรส
ส่วนผสม
เนื้อเสาวรส 500 กรัม, น้ำตาลทราย 200 กรัม, น้ำเปล่า 500 กรัม, เกลือป่นหยาบ 1/2 ช้อนชา
วิธีการทำ
เริ่มต้นขั้นตอนแรกด้วยการเตรียมโถปั่น จากนั้นใส่เนื้อเสาวรสและน้ำเปล่าลงไปปั่นจนละเอียด เทส่วนผสมใส่หม้อ ยกขึ้นเตาแล้วเปิดไฟกลางค่อนไปอ่อน จากนั้นเติมน้ำตาลทรายและเกลือป่นลงไปคนจนส่วนผสมในหม้อเดือด ปิดเตาแล้วยกลงมากรองผ่านกระชอน หรือใช้ผ้าขาวบางก็ได้เช่นกัน เสร็จแล้วนำเข้าตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะได้น้ำเสาวรสเย็นพร้อมเสิร์ฟ
2.เครมบรูเล่เสาวรส
ส่วนผสม
วิปปิงครีม 150 มิลลิลิตร, นมสด 150 มิลลิลิตร, น้ำตาลทราย 200 กรัม, ไข่ไก่ 3 ฟอง, เนื้อเสาวรส 6 ผล
วิธีการทำ
เริ่มด้วยการเตรียมหม้อต้ม นำวิปปิ้งครีม นมสด และน้ำตาลทรายเทใส่ลงในหม้อพร้อมกัน จากนั้นนำไปตั้งไฟต้มด้วยไฟอ่อน เมื่อน้ำตาลทรายละลายดีแล้ว ให้ตีไข่ไก่แล้วเทลงไปผสมกันส่วนผสมในหม้อ คนให้เข้ากันดี จึงใส่เนื้อเสาวรสลงไป คนผสมให้เข้ากันดีอีกครั้ง แล้วปิดไฟยกลงจากเตาได้เลย
หลังจากนั้นให้เทส่วนผสมที่ได้ลงในถ้วยเสิร์ฟ โดยในขั้นตอนนี้สามารถกรองเอาเม็ดเสาวรสออกได้ ก่อนนำเข้าเตาอบให้เรียงในถาดอบที่ใส่น้ำร้อน ซึ่งมีความสูงประมาณครึ่งหนึ่งของถาด อบที่ที่อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส ใช้เวลาประมาณ 30 นาที หรือสังเกตจนกว่าตัวขนมจะเซตตัว เมื่อครบเวลาแล้วนำออกจากเตาพักไว้ให้คลายความร้อน สามารถแช่เย็นก่อนทานเพิ่มความสดชื่นได้เช่นกัน ก่อนเสิร์ฟแนะนำให้ตักน้ำตาลโรยให้ทั่วหน้าขนม ปิดท้ายด้วยการใช้ไฟพ่นจนน้ำตาลละลายและมีลักษณะเหมือนคาราเมลที่เคลือบหน้าขนม ก็จะทำให้ได้รสสัมผัสที่แตกต่างแต่เข้ากันเป็นอย่างดี
3.ทาร์ตเสาวรส
ส่วนผสม
น้ำตาลทราย 1+1/2 ถ้วย, เสาวรส 1+1/3 ถ้วย, น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ, ไข่ไก่ 10 ฟอง, เฮฟวี่ครีม 1/2 ถ้วย, แป้งทาร์ตชิ้นใหญ่ 1 ชิ้น, เสาวรสสำหรับโรยหน้า
วิธีการทำ
เริ่มต้นจากการอุ่นเตาอบเตรียมไว้ โดยเปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 375 องศาฟาเรนไฮต์ ระหว่างนั้นให้นำแป้งทาร์ตที่แช่เย็นจนเซตตัวแล้วไปอบ เคล็ดลับคือการวางกระดาษไขไว้ด้านบนแล้วนำเมล็ดถั่วหรือข้าวสารวางทับลงไปอีกชั้นเพื่อกดไม่ให้แป้งพองตัวขึ้น การอบแป้งจะใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที เมื่อครบเวลาแล้วให้นำออกจากเตาแล้วค่อยนำกระดาษไขและถั่วออก และนำไปอบต่ออีกเป็นเวลา 5-10 นาที
ขั้นตอนต่อไปให้เตรียมชามผสมใส่น้ำตาลทราย เสาวรส และน้ำเลมอนลงไปตีให้เข้ากัน ตีจนกว่าน้ำตาลละลายจึงใส่ไข่ไก่ลงไปตีให้เข้ากัน เติมเฮฟวี่ครีมลงไปและตีให้เข้ากันดีอีกครั้ง เสร็จแล้วกรองด้วยกระชอน และเปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ เตรียมไว้ เทส่วนผสมที่กรองเรียบร้อยแล้วลงในแป้งทาร์ตที่เตรียมไว้ นำเข้าอบเป็นเวลา 20 นาที นำออกมาพักให้เย็นตัวหลังจากครบเวลา ปิดท้ายด้วยการโรยหน้าด้วยเสาวรสก็เป็นอันพร้อมเสิร์ฟ
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารเพิ่มเติมได้ที่ Foodspace