ต้องยอมรับเลยว่า อาหารเจ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเมนูอาหารที่ไม่ว่าจะอยู่ในเทศกาลกินเจหรือไม่ หลายคนก็ยังคงเลือกทานกันอยู่เป็นประจำ เพียงแต่ช่วงเวลาที่ไม่ได้อยู่ในช่วงเทศกาลนั้นจะหาทานยากขึ้นหน่อย การเข้าครัวทำอาหารเจทานเองที่บ้านจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ทำให้ในวันนี้เราจะมาชวนทุกคนไปทำอาหารคาวและหวานในสไตล์เมนูเจให้หายคิดถึงกัน จะมีเมนูอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
อาหารเจ คืออะไร? แตกต่างจากการกินมังสวิรัติหรือไม่ วันนี้มีคำตอบ
ก่อนจะไปเข้าครัวทำอาหารเจกันนั้น หลายคนยังคงสงสัยว่าเมนูอาหารเจกับอาหารมังสวิรัติ มีความแตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไร ต้องบอกก่อนเลยว่าการ “กินเจ” และการกิน “มังสวิรัติ” มีส่วนที่เหมือนกันอยู่นั่นก็คือ การงดทานเนื้อสัตว์ ส่วนข้อแตกต่างก็อยู่ที่มังสวิรัติจะมีข้อยกเว้นที่น้อยกว่าการกินเจ เพราะสามารถทานผักได้ทุกชนิด และสามารถกินผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากสัตว์อย่างเช่น นม เนย ไข่ และน้ำมัน ส่วนการกินเจจะงดผักที่มีกลิ่นฉุน และไม่กินผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากสัตว์ทุกชนิดนั่นเอง
แนะนำ 5 สูตรอาหารเจยอดนิยม มีให้เลือกทั้งอาหารคาว หวาน และของทานเล่น ทำง่ายแถมอร่อยสุดๆ
ผัดกะหล่ำปลีเจ
ส่วนผสม
กะหล่ำปลีฉีกเป็นชิ้น, เห็ดหอมแช่น้ำจนนิ่ม หั่นเป็นเส้น ๆ, ซีอิ๊วขาว, น้ำมันพืช
วิธีการทำ
เริ่มแรกให้ตั้งกระทะด้วยไฟแรงแล้วใส่น้ำมันลงไป เจียวเห็ดหอมจนส่งกลิ่นหอม ตามด้วยกะหล่ำปลีลงไปทิ้งไว้สักครู่ จึงค่อย ๆ ผัดกะหล่ำปลีให้สุก จากนั้นนำมารวมกันตรงกลางกระทะ ทำการใส่ซีอิ๊วลงไปรอบ ๆ กระทะให้ไหลลงไปอยู่ใต้กะหล่ำปลี รอให้เกิดกลิ่นไหม้ของซีอิ๊วสักครู่หนึ่ง แล้วค่อยคลุกเคล้ากะหล่ำปลีกับซีอิ๊ว เมื่อสุกจนทั่วแล้วให้ปิดเตา ตักใส่จานเสิร์ฟได้เลย
ผัดหมี่เจ
ส่วนผสม
เห็ดหอมแห้ง, เต้าหู้เหลืองแบบแข็ง, ซีอิ๊วดำแบบเค็ม, บะหมี่เหลืองเจ, น้ำมันพืช, ซอสเห็ดหอม, ซีอิ๊วขาว, น้ำตาลทราย, พริกป่น, ถั่วลิสงป่น, กะหล่ำปลี, ยอดคะน้า, ถั่วงอก
วิธีการทำ
ขั้นตอนแรกเป็นการเตรียมเห็ดโดยการไปแช่น้ำให้พอง และต้องไม่ลืมที่จะเก็บน้ำที่แช่เห็นเอาไว้ใช้ผัดในตอนหลัง ขั้นตอนต่อไปให้ตั้งกระทะโดยใช้ไฟแรง เติมน้ำมันลงไป รอให้ร้อนจึงใส่เห็ดหอมที่แช่น้ำไว้จนพองลงไปผัดกับเต้าหู้ เติมซีอิ๊วดำนิดเล็กน้อยเพื่อให้มีสีสันสวยงาม จากนั้นใส่เส้นบะหมี่เหลืองเจลงไป ก่อนผัดให้เติมน้ำที่ใช้แช่เห็ดหอมลงไปด้วย จะช่วยให้เส้นบะหมี่อ่อนตัวลงได้ง่าย ทั้งยังเป็นการเพิ่มความหอมน่าทานของอาหารเจ จากนั้นปรุงรสตามชอบ แล้วจึงใส่กะหล่ำปลี ยอดคะน้าและถั่วงอกลงไปเป็นอย่างสุดท้าย ผัดอีกนิดหน่อยก็ตักขึ้นเสิร์ฟได้เลย
ข้าวตุ๋นเห็ด
ส่วนผสม
ข้าวญี่ปุ่น 1 ถ้วย, เห็ดหอม 100 กรัม, แคร์รอต 50 กรัม, ถั่วลันเตา 50 กรัม, น้ำเปล่า 250 มิลลิลิตร, คนอร์ ซุปรสเห็ดหอมก้อน, เต้าหู้ 1 ก้อน, พริกไทย ตามชอบ
วิธีการทำ
เริ่มต้นขั้นตอนแรกด้วยการตั้งกระทะด้วยไฟปานกลาง ตามด้วยเทน้ำเปล่าลงไปพร้อมกับคนอร์ ซุปรสเห็ดหอมก้อน ต้มจนน้ำเดือดได้ที่จึงใส่แคร์รอต เห็ดหอม ถั่วลันเตา เต้าหู้ และข้าวญี่ปุ่นลงไปคนให้เข้ากัน ตุ๋นจนข้าวสุกและไม่แห้งจนเกินไป จากนั้นยกขึ้นจากเตาโรยด้วยพริกไทยก็จัดเสิร์ฟร้อน ๆ ได้เลย
เผือกทอดเจ
ส่วนผสม
แป้งข้าวเจ้า 1+1/4 ถ้วย, แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1+1/4 ถ้วย, น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ, เกลือป่น 1 ช้อนชา, กะทิ 1 ถ้วย, น้ำปูนใส 1/4 ถ้วย, เผือกขูดหรือหั่นเป็นเส้น 2 ถ้วย, น้ำมันพืช สำหรับทอด, น้ำจิ้มบ๊วย, ถั่วลิสงคั่วบดหยาบ ๆ
วิธีการทำ
เมนูอาหารเจยอดฮิตเมนูนี้มีขั้นตอนการทำที่ง่ายมาก ๆ เพียงแค่ผสมแป้งข้าวเจ้าเข้ากับแป้งสาลีอเนกประสงค์ น้ำตาลทรายและเกลือป่น เติมน้ำกะทิและน้ำปูนใสลงไป นวดให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน จากนั้นใส่เผือกขูดลงไปคลุกเคล้าจนส่วนผสมแป้งเคลือบติดเผือกจนทั่วแล้วพักไว้
จากนั้นหันไปเตรียมตั้งกระทะ เทน้ำมันพืชลงไป รอให้น้ำมันร้อนจัด แล้วตักเผือกคลุกแป้งปั้นเป็นก้อน ๆ ลงไปทอดในน้ำมันร้อน ๆ รอจนกว่าเผือกจะลอยขึ้นมา ให้สังเกตเมื่อสีเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองน่าทานก็สามารถตัดขึ้นมาสะเด็ดน้ำมันได้เลย จากนั้นให้จัดเสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มบ๊วยโรยถั่วลิสงคั่วบด ลงตัวสุด ๆ
เค้กกล้วยหอมเจ
ส่วนผสม
แป้งเค้ก 180 กรัม, ผงฟู 1 ช้อนชา, เกลือป่น เล็กน้อย, เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา, น้ำมันพืช 1/2 ถ้วย, น้ำเต้าหู้จืด 1/2 ถ้วย, น้ำตาลทราย 120 กรัม, กล้วยหอมบดละเอียด 200 กรัม, น้ำมะนาว เล็กน้อย, กลิ่นวานิลลา เล็กน้อย, กลิ่นกล้วยหอม เล็กน้อย (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้), ธัญพืช สำหรับโรยหน้า
วิธีการทำ
เนื่องจากเป็นเมนูเบเกอรีที่ต้องใช้เตาอบ จึงแนะนำให้อุ่นเตาอบเตรียมไว้อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส พร้อมวางถ้วยกระดาษลงในพิมพ์มัฟฟิน จากนั้นก็เริ่มเตรียมส่วนผสมแป้ง โดยการร่อนแป้งเค้กกับผงฟู เกลือ และเบกกิ้งโซดาเข้าด้วยกัน พักไว้ในชามผสม ส่วนชามผสมอีกใบให้ใส่น้ำมันพืช น้ำเต้าหู้ และน้ำตาลทรายลงไปตีด้วยตะกร้อมือจนกว่าส่วนผสมจะละลายเข้ากันดี แล้วจึงใส่กล้วยหอมบดลงไป ตามด้วยน้ำมะนาว กลิ่นวานิลลา และกลิ่นกล้วย แล้วคนให้เข้ากันอีกครั้ง
ขั้นตอนต่อไปให้นำส่วนผสมทั้งสองส่วนมารวมกันแล้วคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นตักส่วนผสมแป้งลงในพิมพ์ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ ก่อนนำเข้าเตาอบโรยหน้าด้วยธัญพืช เข้าอบโดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที ครบเวลาแล้วนำออกมาพักให้คลายความร้อนก็พร้อมเสิร์ฟ
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารเพิ่มเติมได้ที่ Foodspace