พุทรา หนึ่งในผลไม้หน้าหนาวที่มีรสชาติหวาน กรอบ อร่อย ให้วิตามินซีสูงปรี๊ด สามารถเลือกทานได้ทั้งแบบสดและแบบแห้ง ไม่ว่าจะเลือกทานในรูปแบบไหนก็ได้ทั้งความหวานและประโยชน์ที่ไม่แตกต่างกัน ยิ่งในช่วงหน้าหนาวของบ้านเราตอนนี้ ยิ่งมีราคาถูก เพราะสามารถหาซื้อได้ง่าย วันนี้ตามเราไปดูพร้อมกับเลยว่า ผลไม้ยอดนิยมนี้มีถิ่นกำเนิดจากที่ไหนถึงได้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และพุทราจะให้ประโยชน์ในด้านใดได้บ้าง ไปหาคำตอบพร้อมกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ชวนไปทำความรู้จักกับพุทรา ผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน
พุทรา เป็นผลไม้ประจำฤดูหนาวของเมืองไทยที่มีต้นกำเนิดในประเทศจีน และอยู่คู่กับสังคมจีนยาวนานกว่า 400 ปีแล้ว แม้เวลาจะล่วงเลยมาถึงปัจจุบัน แต่ผลไม้ชนิดนี้ก็ยังได้รับความนิยมอยู่เสมอ มักถูกนำมาใช้ในงานมงคลต่าง ๆ ตามความเชื่อที่ว่า นี่คือสัญลักษณ์ที่แทนความอุดมสมบูรณ์และเป็นตัวแทนของความเจริญรุ่งเรือง
ต้นพุทราจีนได้ถูกกระจายและนำไปปลูกทั้งใสรัสเซีย ตอนเหนือของทวีปแอฟริกา ตะวันออกกลาง และทวีปยุโรปตอนใต้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วไม้ยืนต้นที่มีผลขนาดเล็ก มีผิวเรียบและมีเมล็ดเดียวนี้ มักจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ในพื้นที่ราบบนสภาพดินทั่วไปในผืนป่า ขยายพันธุ์ง่ายด้วยการเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง เรียกได้ว่าเป็นพืชอีกชนิดที่ปลูกและดูแลไม่ยาก
ส่องประโยชน์ของทานพุทราที่มาพร้อมกับสรรพคุณทางยา
พุทราโดยเฉพาะพุทราจีนเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณทางยาหลากหลาย ได้ชื่อว่าเป็นสมุนไพรจีนที่ออกฤทธิ์อุ่น สามารถนำมาใช้ได้ทุกส่วนของต้น ทั้งผลสดและแห้งที่มีส่วนช่วยบำรุงร่างกาย ลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็ง กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ช่วยเพิ่มปริมาณเลือด ลดไขมันในเลือด แก้เบาหวาน และแก้อาการนอนไม่หลับ ทั้งนี้ยังสามารถใช้เป็นยาลดไข้ ลดอาการปวดประจำเดือน และลดคอเลสเตอรอล ส่วนรากของพุทรามีส่วนช่วยรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก เรียกได้ว่ามีประโยชน์รอบด้านเลยทีเดียว
แนะนำ 3 สูตรเมนูอาหารและเครื่องดื่มจากพุทรา
1.พุทราเชื่อม
ส่วนผสม
พุทราจีนแห้งหรือสด 1 กิโลกรัม, น้ำปูนใส 4 ถ้วยตวง, น้ำตาลทราย 5 ถ้วยตวง, เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ, ใบเตย
วิธีการทำ
เริ่มต้นขั้นตอนแรกด้วยการนำพุทราแห้งมาล้างน้ำเปล่าให้สะอาด เสร็จแล้วพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ หรือถ้าใช้พุทราสดก็ให้ทำเช่นเดียวกัน แต่เมื่อสะเด็ดน้ำเรียบร้อยแล้วให้ตากแดดจนเนื้อพุทราแห้งและเหนียว จากนั้นนำพุทราที่เตรียมไว้มาแช่ลงในน้ำปูนใสเป็นเวลา 30 นาที เพื่อให้เนื้อมีสัมผัสที่นิ่มขึ้นแล้วจึงนำไปแช่น้ำเย็นต่ออีกประมาณ 5 นาที ซึ่งจะทำให้เนื้อกรอบนาน จากนั้นตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำแล้วคว้านเม็ดออก
ขั้นตอนต่อไปเป็นส่วนของการเตรียมน้ำเชื่อม โดยตั้งหม้อเติมน้ำเปล่าลงไป ตามด้วยน้ำตาลทรายและเกลือป่น เคี่ยวส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เมื่อน้ำเชื่อมเดือดและงวดดีแล้วให้ปิดเตาและยกลงมาพักไว้ จากนั้นเทน้ำเชื่อมลงในกระทะอีกใบ ต้มต่อไปให้เดือด พร้อมกับใส่ใบเตยลงไปเคี่ยวจนส่งกลิ่นหอม จากนั้นใส่พุทราที่เตรียมไว้ลงไปเคี่ยวในน้ำเชื่อม สังเกตเนื้อพุทราต้องให้น้ำเชื่อมซึมเข้าไปจนพอง เพียงเท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟ
2.น้ำพุทราจีน
ส่วนผสม
พุทราจีนเม็ดใหญ่ 3 เม็ด, น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ, เกลือเล็กน้อย, น้ำอุ่น 6 ช้อนโต๊ะ, น้ำแข็งเปล่า 1 แก้ว
วิธีการทำ
เริ่มด้วยการล้างพุทราจีนให้สะอาด จากนั้นนำไปแช่ในน้ำเปล่าประมาณ 30 นาที ครบเวลาแล้วนำมาบดในน้ำอุ่น เพื่อให้เนื้อพุทราละเอียดและหลุดออกจากเม็ด โดยในสูตรนี้จะใช้เนื้อพุทราลงไปต้มด้วย เพื่อเพิ่มความเข้มข้นและให้มีกลิ่นหอม เมื่อได้ความเข้มข้นที่ต้องการแล้ว ก็เติมน้ำตาลและเกลือลงไปผสม ชิมรสชาติและปรุงเพิ่มตามชอบ จากนั้นก็ตักใส่แก้วที่มีน้ำแข็งเตรียมไว้เพื่อเพิ่มรสชาติและความสดชื่น เพียงเท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟ
3.แกงจืดเห็ดหูหนูพุทราจีน
ส่วนผสม
ปีกไก่บน 500 กรัม, พุทราจีนแห้งไม่มีเมล็ดแช่น้ำ 20 เม็ด, เห็ดหูหนูแห้งแช่น้ำ ½ ถ้วยตวง, แครอทหั่นแว่น ½ ถ้วยตวง, คนอร์ซุปไก่ก้อน 2 ก้อน, น้ำเปล่า 1 ½ ลิตร, ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ, ผักชีซอย และพริกไทยป่นตามชอบ
วิธีการทำ
เมนูนี้เป็นเมนูตำรับอาหารจีนที่สามารถทำเองได้ง่าย ๆ เพียงแค่นำปีกไก่มาล้างด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด แล้วพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ ตามด้วยการล้างสิ่งสกปรกออกจากพุทราจีน โดยแช่น้ำไว้ประมาณ 30 นาทีแล้วนำขึ้นมาสะเด็ดน้ำ ลำดับต่อไปตั้งหม้อต้มน้ำ รอจนเดือดแล้วใส่ซุปก้อนลงไป คนให้ละลายเข้ากันดี จากนั้นจึงใส่เนื้อไก่ที่เตรียมไว้ตามลงไป ต้มให้พอเดือดแล้วเบาไฟลง ระหว่างนั้น ให้หมั่นช้อนฟองบนผิวน้ำออกเรื่อย ๆ เมื่อน้ำซุปเริ่มใสให้ใส่เห็ดหูหนู แคร์รอตและพุทราจีนลงไปต้มต่อจนเนื้อไก่สุก โรยหน้าด้วยผักชีและพริกไทยก็สามารถตักใส่ชามเสิร์ฟได้เลย
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารเพิ่มเติมได้ที่ Foodspace