สายลมร้อนแห่งช่วงซัมเมอร์พัดผ่านมาทักทายกันขนาดนี้ อุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องกระตุ้นให้ร่างกายอยากดื่มน้ำหวานเย็น ๆ สักแก้ว เติมความสดชื่นระหว่างวันกันเสียหน่อย แต่ในความจริงแล้ว ผลไม้ฤทธิ์เย็น ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสุขภาพที่สามารถแทนที่ความหวานจากน้ำตาลในเครื่องดื่มเหล่านั้นได้ดี การหันมาเลือกรับประทานผลไม้หน้าร้อนที่สามารถย่อยได้ง่าย ให้พลังงานน้อย แต่เนื้อที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำนั้นยังคงความสดให้คงทน ได้ลิ้มลองแล้วก็สัมผัสได้ถึงความสดชื่นชุ่มคอได้ทันที
นอกจากนี้การรับประทานผลไม้ตามฤดูกาลยังถือเป็นภูมิปัญญาการรับประทานอาหารที่นิยมทำตามกันมาตั้งแต่ในอดีต ทำให้ผู้บริโภคได้รับสรรพคุณของผลไม้ที่เติบโตตามสภาพภูมิอากาศนั้น ๆ ได้อย่างเต็มที่ ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปส่องคุณประโยชน์ของผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นซึ่งอาจมีมากกว่าที่คุณคาดคิดไว้ จะมีอะไรน่าสนใจรอให้ติดตามอยู่บ้าง ไปดูพร้อมกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
พาส่องคุณค่าสารอาหารที่ดีและมีประโยชน์จากผลไม้ฤทธิ์เย็น เลือกรับประทานผลไม้ตามฤดูกาลดีไม่น้อย
ผลไม้ส่วนใหญ่อุดมไปด้วยใยอาหารเรียกกันว่า “fiber” ที่ดีต่อการทำงานของระบบขับถ่าย ยิ่งเป็นใยอาหารชนิดที่ไม่ละลายน้ำ ก็ยิ่งช่วยเพิ่มปริมาณและน้ำหนักให้กับอุจจาระ ร่างกายสามารถดูดซับสารพิษ และกระตุ้นระบบขับถ่ายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดอาการท้องผูก ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
นอกจากนี้ผลไม้ฤทธิ์เย็นยังเป็นแหล่งรวมวิตามินอย่างเบต้าแคโรทีนและวิตามินซี ซึ่งมีส่วนสำคัญในการควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายให้เป็นไปอย่างปกติ แถมมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ตัวช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคร้ายแรง ยังไม่พอแต่เพียงเท่านี้เพราะมีเกลือแร่สำคัญอย่างโพแทสเซียม โดยเกลือแร่ชนิดนี้จะเข้าไปรักษาสมดุลของน้ำ รวมถึงความเป็นกรดด่างภายในร่างกาย ช่วยนำความรู้สึกทางประสาทและช่วยให้กล้ามเนื้อยืดหดได้ดี
อีกหนึ่งคุณสมบัติที่เหมาะกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดคือ ประโยชน์ของผลไม้ฤทธิ์เย็นที่เต็มไปด้วยน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ที่มีมากถึงร้อยละ 70-90 ดังนั้นเมื่อร่างกายสูญเสียน้ำมากกว่าปกติ ส่งผลให้รู้สึกกระหายน้ำและอ่อนเพลีย ก็ลองเลือกหันมารับประทานผลไม้ให้มากขึ้นจะช่วยปรับสมดุล ลดอุณหภูมิร่างกาย คลายความร้อน ชุ่มคอ แก้กระหาย และทำให้รู้สึกสบายตัวมากขึ้นได้
ปริมาณผลไม้ที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน เลือกทานผลไม้ฤทธิ์เย็นในปริมาณที่เหมาะสมดีต่อสุขภาพที่สุด
โดยปกติแล้วร่างกายควรได้รับผลไม้หลากหลายชนิดเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนในแต่ละวัน ไม่น้อยจนไม่เพียงพอต่อความต้องการนำไปใช้ของร่างกาย แต่ก็ไม่มากจนเกินความจำเป็นจนอาจก่อให้เกิดผลเสียตามมาก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผลไม้ฤทธิ์เย็นหรือร้อน ก็ควรเลือกรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม โดยในแต่ละวันควรแบ่งให้ได้ 3-5 ส่วนต่อวัน และแบ่งให้ได้ตามสัดส่วนผลไม้ดังต่อไปนี้
- ผลไม้ขนาดเล็ก : 1 ส่วน เท่ากับ 6-8 ผล มีให้เลือกหลากหลายชนิด ทั้งองุ่น ลองกอง ลำไย ลิ้นจี่ และอื่น ๆ
- ผลไม้ขนาดกลาง : 1 ส่วน เท่ากับ 1-2 ผล หากยังนึกไม่ออกว่ามีผลไม้อะไรอยู่ในหมวดนี้บ้าง เราขอยกตัวอย่างเป็นส้ม ชมพู่ พุทรา สาลี่ แอปเปิล และอีกมากมาย
- ผลไม้ขนาดใหญ่ : 1 ส่วน เท่ากับ 6-8 ชิ้นคำ ผลไม้หน้าร้อนที่ผลโตน่าทานในไทยนั้นมีให้เลือกเพียบ เช่น แตงโม สับปะรด มะละกอ แคนตาลูป เป็นต้น
แนะนำผลไม้ฤทธิ์เย็น หาทานง่าย ช่วยเพิ่มความสดชื่น ได้ประโยชน์แบบจัดเต็ม แถมอร่อยด้วย
- แตงโม
- มังคุด
- แคนตาลูป
- แก้วมังกร
- สาลี่
- สับปะรด
- ส้มโอ
- ชมพู่
- พุทรา
- แอปเปิล
- น้ำมะพร้าวอ่อน
- ลางสาด
- กีวี่
- สตรอเบอร์รี่
- เชอร์รี่
- มะม่วงดิบ
- มะละกอดิบ
- กล้วยน้ำว้าห่าม
- กล้วยหักมุก
- พุทรา
- ลูกท้อ
- มะยม
ผลไม้ฤทธิ์เย็นที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นผลไม้คลายร้อนที่มีปริมาณน้ำเยอะ ดับความร้อนในร่างกาย และลดอาการกระหายน้ำได้เป็นอย่างดี สามารถเลือกทานได้ตามความชื่นชอบ เพราะนอกจากจะเป็นผลไม้ดับร้อนที่ช่วยเติมความสดชื่นระหว่างวันได้แล้ว ผลไม้แต่ละชนิดก็มาพร้อมกับประโยชน์ที่ดีต่อร่างกายรอบด้าน ทั้งช่วยปรับระบบภูมิคุ้มกัน ระบบหมุนเวียนโลหิต และสร้างความแข็งแรงเพื่อให้พร้อมต่อสู้กับเชื้อโรคและแบคทีเรีย
มีคุณสมบัติดับพิษร้อนในร่างกาย ป้องกันหวัด แก้คอแห้ง ลดอาการร้อนใน บรรเทาแผลในช่องปาก ช่วยแก้อาการไอ ไอแห้ง ช่วยละลายเสมหะ เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ปอด ช่วยย่อยอาหารและช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างปกติ ขับเหงื่อ บำรุงธาตุ และบรรเทาอาการทางเดินปัสสาวะอักเสบ ทั้งนี้ยังมีสรรพคุณบำรุงหัวใจ ชะลอวัย ลดริ้วรอย ช่วยลดปริมาณไขมันในเลือดและลดระดับคอเลสเตอรอล ลดอัตราการเกิดโรคมะเร็ง โรคความดันโลหิต รวมถึงโรคเบาหวาน และหลายคนอาจไม่รู้ว่า ผลไม้บางชนิดสามารถบำบัดความเครียดทางจิตใจ และลดความเหนื่อยล้าทางร่างกายได้ดี
เราแนะนำให้เลือกรับประทานร่วมกับการดื่มน้ำเปล่าวันละ 8-10 แก้วจะได้ผลดียิ่งขึ้น เห็นได้ชัดเลยว่าการเติมความหวานจากธรรมชาติให้กับร่างกาย เป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่จะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงหรือผลเสียที่ได้รับจากเครื่องดื่มที่ปรุงจากสารสังเคราะห์ซึ่งอาจเข้าไปสะสมในร่างกาย
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารเพิ่มเติมได้ที่ Foodspace