วันหยุดทั้งที ชวนเข้าครัวทำเมนูแสนอร่อยจากกระท้อน ขอบอกเลยว่าเป็นผลไม้ตามฤดูกาลที่กำลังมาแรงในหน้าฝนนี้ นิยมนำมาประกอบอาหารไทยได้ทั้งคาวและหวาน ใครกำลังเบื่อการทานผลไม้แบบธรรมดา ตามเราไปจดสูตรเด็ดความอร่อยตามสไตล์อาหารไทยได้เลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ลักษณะของกระท้อน พร้อมแนะนำประโยชน์และสรรพคุณที่ดีต่อร่างกาย
กระท้อน เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดในแถบอินโดจีนและมาเลเซียตะวันตก เมื่อเวลาผ่านไปก็แพร่กระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทยด้วย ผลกระท้อนลูกกลมแป้นที่ผิวมีขนคล้ายกำมะหยี่อ่อนนุ่มนี้ สามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน รากของกระท้อนใช้ทำเป็นยาธาตุ ส่วนใบสดต้มอาบแก้ไข้ได้ ช่วยขับเหงื่อ เปลือกช่วยรักษาโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน และผล นอกจากจะทานผลสุกได้แล้ว ยังนิยมนำมาทำอาหารหลากหลายเมนู
แชร์ 5 สูตรการทำกระท้อน มัดรวมมาให้ครบ ทั้งเมนูคาว-หวาน อร่อย ไม่มีเบื่อ
1.ส้มตำกระท้อน
ส่วนผสม
กระท้อนสับ 1 ลูก, ปูเค็ม หรือปูจืด, กระเทียมปอกเปลือก 2-3 กลีบ, พริกขี้หนู ตามชอบ, น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ, เกลือป่น 1/4 ช้อนชา, น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ, ถั่วฝักยาวหั่นท่อน 1 ฝัก, มะเขือเทศเชอรี่ผ่าครึ่ง 5-10 ลูก, เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอดกรอบ สำหรับโรยหน้า
วิธีการทำ
เริ่มต้นขั้นตอนแรกด้วยการนำกระเทียมกับพริกขี้หนูมาโขลกให้พอละเอียด แล้วจึงใส่น้ำตาลปี๊บ เกลือป่น และน้ำมะนาวลงไปตำให้พอเข้ากัน ตามด้วยปูเค็ม ถั่วฝักยาว และมะเขือเทศเชอรี่ คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดในครกเบา ๆ ให้เข้ากัน เพียงเท่านี้ก็สามารถตักใส่จานโรยหน้าด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอดกรอบ พร้อมเสิร์ฟความอร่อยง่าย ๆ ไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้น
2.กระท้อนทรงเครื่อง
ส่วนผสม
กระท้อนดอง ล้างน้ำก่อนแล้วนำมาฝานบาง ๆ, ถั่วลิสงคั่วป่น 3 ช้อนโต๊ะ, มะพร้าวขูดคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลปี๊บ 2 ถ้วย, น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ, กะปิ 1 ช้อนชา, หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ, กุ้งแห้งป่น 3 ช้อนโต๊ะ, พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ, พริกขี้หนูซอย 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำ
เริ่มด้วยการคั่วถั่วลิสงแล้วบี้เอาเปลือกออก เสร็จแล้วให้นำไปตำพอหยาบ ๆ พักไว้แล้วหันไปคั่วมะพร้าวขูดต่อ หลังจากคั่วจนกรอบให้ใส่น้ำตาลปี๊บและน้ำปลาลงไปในกระทะ เปิดไฟอ่อน ค่อย ๆ เคี่ยวให้ส่วนผสมเข้ากัน เติมกะปิลงไปแล้วเคี่ยวให้เหนียว ปิดเตาแล้วยกลงมาพักให้คลายความร้อนจึงค่อยใส่หอมแดงซอย กุ้งแห้งป่น มะพร้าวคั่ว พริกป่น พริกขี้หนูซอย และถั่วลิสงคั่วป่นที่เตรียมไว้ลงไปคนให้เข้ากันดี ต่อไปให้นำกระท้อนดองมาล้างน้ำแล้วฝานบาง ๆ รอบ ๆ ลูก เคล็ดลับความอร่อยคือต้องบีบน้ำออกให้หมดก่อนที่จะราดด้วยส่วนผสมน้ำราดที่ปรุงไว้ก็เป็นอันเสร็จ
3.ส้มตำกระท้อนกุ้งสด
ส่วนผสม
กระเทียมปอกเปลือก 15 กรัม, พริกขี้หนูซอย 15 กรัม, น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ, เกลือป่น 1/4 ช้อนชา, น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ, กุ้งสดปอกเปลือก ลวกสุก 50 กรัม, ถั่วฝักยาว ทุบพอแตก 20 กรัม, กระท้อน หั่นเต๋า 150 กรัม, มะเขือเทศเชอรี่ผ่าครึ่ง 50 กรัม, เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอดกรอบ สำหรับโรยหน้า
วิธีการทำ
เป็นอีกเมนูที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ขั้นตอนการทำก็ง่ายแสนง่ายเพียงแค่โขลกกระเทียมกับพริกขี้หนูให้พอละเอียด จากนั้น ใส่น้ำตาลปี๊บ เกลือป่น น้ำมะนาวตามลงไป คนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน แล้วจึงใส่กุ้งถั่วฝักยาว กระท้อน และมะเขือเทศเชอรี่ลงไปคลุกเคล้าเบา ๆ ตักใส่จานแล้วโรยหน้าด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอดกรอบ พร้อมเสิร์ฟถึงโต๊ะ ทานคู่กับข้าวเหนียวร้อน ๆ รับรองอร่อยถูกใจสายแซ่บ
4.กระท้อนแช่อิ่ม
ส่วนผสม
กระท้อนสด 3 กิโลกรัม, น้ำเกลือ (น้ำ 2 ลิตร ต้มกับเกลือ 3 ถ้วย) อัตราส่วน 2:3, น้ำเชื่อม (น้ำ 1 ลิตร ต้มกับน้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม) อัตราส่วน 1:1
วิธีการทำ
เมนูของดองยอดฮิตประจำร้านขายผลไม้ที่ไม่ควรพลาด เพราะสามารถทำตามได้ง่ายมาก ๆ เพียงแต่ต้องใช้เวลา เริ่มจากการนำกระท้อนมาปอกเปลือกแล้วใช้มีดกรีดรอบ ๆ ลูก ล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นแช่น้ำเกลือทิ้งไว้ประมาณ 1 คืน เมื่อครบเวลาแล้วให้เทน้ำเกลือออกแล้วแช่ในน้ำเชื่อมต่ออีก 1 คืน พอครบเวลาก็ให้เทน้ำเชื่อมออก แล้วนำน้ำเชื่อมนั้นไปตั้งไฟต้มจนเดือด พักไว้ให้คลายความร้อนจากนั้นนำกระท้อนลงไปแช่อีกครั้ง เป็นระยะเวลา 1 คืนเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นก็สามารถจัดเสิร์ฟได้เลย
5.กระท้อนลอยแก้ว
ส่วนผสม
กระท้อน 3 ลูก, น้ำตาลทราย 250 กรัม, มะตูมชนิดผง 250 กรัม, น้ำเปล่า 750 มิลลิลิตร, เกลือสมุทร เล็กน้อย, น้ำผสมเกลือ สำหรับแช่กระท้อนไม่ให้ดำ
วิธีการทำ
เนื่องจากสภาพอากาศของเมืองร้อนอย่างบ้านเรา ทำให้เมนูลอยแก้วจากผลไม้ประจำฤดูกาลได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เช่นเดียวกับเมนูนี้ที่ทำตามได้ไม่ยาก ให้เริ่มจากปอกเปลือกกระท้อนแล้วคว้านเอาเมล็ดออกใช้แค่เนื้อในการทำ หั่นจนมีขนาดพอดีคำแล้วนำลงไปแช่ในน้ำเกลือเตรียมไว้ จากนั้นตั้งหม้อแล้วเติมน้ำเปล่า น้ำตาลทราย มะตูมผง และเกลือลงไปต้มจนเดือด ใส่เนื้อกระท้อนที่เตรียมไว้ลงไปต้มเพียง 10 วินาทีเท่านั้นก็ตักขึ้นใส่ชามเติมน้ำแข็งก่อนเสิร์ฟได้เลย
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารเพิ่มเติมได้ที่ Foodspace