หากนึกถึงผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่อุดมไปด้วยประโยชน์ “เคพกูสเบอร์รี่” ก็เป็นหนึ่งในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่น่าสนใจไม่น้อย ด้วยชื่อเสียงในเรื่องของประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการ ที่เป็นแหล่งรวมสารอาหารชั้นดี ส่งผลให้มันกลายเป็นผลไม้หน้าหนาวที่ได้รับความนิยมในหมู่คนรักสุขภาพ ผลไม้ชนิดนี้มีลักษณะคล้ายกับมะเขือเทศ และถึงแม้จะกินยาก แต่รสชาติเปรี้ยวอมหวานที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้หลายคนที่ได้ลองเปิดใจทาน ต่างติดอกติดใจไปตาม ๆ กัน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
พาไปทำความรู้จักเคพกูสเบอร์รี่ อร่อยดีแถมมีประโยชน์
เคพกูสเบอร์รี่ หรือที่คนไทยมักเรียกกันว่า “โทงเทงฝรั่ง” หรือ “ระฆังทอง” เป็นหนึ่งในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มีลักษณะเป็นลูกกลม ๆ เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมส้ม แต่ละลูกถูกห่อหุ้มด้วยกลีบดอกบาง ๆ รสชาติเปรี้ยวอมหวาน นิยมกินสด ๆ กับเกลือ แต่ก็สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนูเช่นกัน ผลไม้ตามฤดูกาลนี้สามารถหาทานได้ง่ายในหน้าหนาว โดยเป็นผลผลิตที่ได้จากการส่งเสริมและพัฒนาผลไม้ขนาดเล็กของโครงการหลวง ทดแทนการปลูกฝิ่น พื้นที่เพาะปลูกส่วนใหญ่จึงอยู่ในภาคเหนือของไทย แล้วจึงส่งผลผลิตที่ได้ไปขายยังภูมิภาคอื่น อร่อย ราคาถูก แถมได้ประโยชน์อีกด้วย
ส่องประโยชน์ของเคพกูสเบอร์รี่ ทานแล้วดีต่อร่างกายอย่างไร
ประโยชน์ของเคพกูสเบอร์รี่ที่โดดเด่นก็มีอยู่หลายด้านด้วยกัน ส่งผลดีต่อสุขภาพเมื่อร่างกายได้รับในปริมาณที่เหมาะสม ผลไม้ที่เป็นแหล่งรวมวิตามินซีนี้ มีส่วนช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน ทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินเอที่สูง มีส่วนช่วยบำรุงสายตา นอกจากนี้เคพกูสเบอร์รี่ยังช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ รวมถึงโรคมะเร็งบางชนิด หยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้องอก เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยบำรุงผิวพรรณได้ด้วย
แชร์ 3 สูตรการทำอาหารและเครื่องดื่มจากเคพกูสเบอร์รี่
นอกจากจะเป็นผลไม้ที่สามารถทานสดได้แล้ว เรายังสามารถนำเคพกูสเบอร์รี่มาประกอบอาหารได้ทั้งคาวและหวาน นอกจากนี้ยังสามารถนำไปทำเป็นเครื่องดื่มได้เช่นเดียวกัน และแน่นอนว่า วันนี้เราก็ไม่พลาดที่จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเมนูอาหารที่มีผลไม้ชนิดนี้เป็นวัตถุดิบหลัก จะมีเมนูอะไรน่าสนใจบ้าง ไปติดตามกันได้เลย
1.เค้กเคพกูสเบอร์รี่
ส่วนผสม
น้ำตาลทราย 50 กรัม, ไข่ไก่ 1 ฟอง, ผิวเลมอน 1/2 ช้อนชา, แป้งเค้ก 65 กรัม, ผงฟู 1/2 ช้อนชา, เคพกูสเบอร์รี่ 180 กรัม, น้ำมะนาวเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลทราย 120 กรัม, เนย 45 กรัม
วิธีการทำ
เริ่มต้นด้วยการทำแยมเคพกูสเบอร์รี่ โดยการนำเคพกูสเบอร์รี่มาหันครึ่ง ใส่ลงในหม้อต้มพร้อมน้ำตาลทรายและน้ำมะนาวเลมอน เคี่ยวจนส่วนผสมข้นหนืด แล้วจึงตักออกมาพักไว้ให้เย็นเพียง 100 กรัม จากนั้นเตรียมพิมพ์ขนมรองด้วยกระดาษไขพร้อมกับอุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส
ระหว่างรอเตาอบได้อุณหภูมิที่ต้องการ ให้เตรียมชามผสม ใส่เนยเข้า น้ำตาลและผิวมะนาวเลมอนลงไปและผสมให้เข้ากันดี จากนั้นใส่ไข่ไก่และตีให้เข้ากันอีกครั้ง นำแป้งและผงฟูมาร่อนผสมกันแล้วนำไปรวมกับส่วนผสมที่เตรียมไว้ในขั้นตอนแรกแล้วตะล่อมให้ส่วนผสมเข้ากัน เมื่อส่วนผมเข้ากันดีให้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน จากนั้นนำส่วนแรกใส่ลงในพิมพ์ ตามด้วยแยมเคพกูสเบอร์รี่ แล้วปิดท้ายด้วยส่วนผสมแป้งที่เหลือ นำเข้าเตาอบเป็นเวลาประมาณ 45 นาที เสร็จแล้วให้นำออกมาพักไว้ให้เย็น
ขั้นตอนต่อไปให้นำแยมเคพกูสเบอร์รี่ส่วนที่เหลือใส่หม้อตั้งบนเตาแล้วคนให้ข้นขึ้น ใช้ไม้พายทาแยมร้อน ๆ ให้ทั่วหน้าเค้ก ปิดท้ายด้วยการตกแต่งด้วยผลเคพกูสเบอร์รี่สด พักไว้ให้เย็นตัวลง เพียงเท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟความอร่อยแล้ว
2.เคพกูสเบอร์รี่โยเกิร์ตสมูทตี้
ส่วนผสม
เคพกูสเบอร์รี่ 50 กรัม, โยเกิร์ต 0% fat รสวุ้นมะพร้าว 1 แก้ว, นมขาดมันเนย 80 กรัม, น้ำผึ้ง 1/2 ช้อนโต๊ะ, น้ำมะนาว 1/2 ผล, เกลือเล็กน้อย, น้ำแข็งเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความเย็น
วิธีการทำ
เริ่มจากการนำผลเคพกูสเบอร์รี่มาแยกเปลือกด้านนอกออกแล้วล้างด้วยน้ำสะอาด จากนั้นนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนใส่ลงในเครื่องปั่น ตามด้วยโยเกิร์ต, นมขาดมันเนย, น้ำผึ้ง, น้ำมะนาว และเกลือเล็กน้อย ปิดท้ายด้วยน้ำแข็ง ปั่นให้ส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกัน เสร็จแล้วเทใส่แก้วที่จะเสิร์ฟ ตกแต่งด้วยผลเคพกูสเบอร์รี่ ก็จะได้เมนูเติมความสดชื่นระหว่างวันที่เต็มไปด้วยประโยชน์มากมาย
3.น้ำพริกเคพกูสเบอร์รี่
ส่วนผสม
หมูสับรวนสุก 1 ถ้วย, พริกขี้หนูสวน 20-30 เม็ด, กระเทียมปอกเปลือก 5-10 กลีบ, หอมแดงปอกเปลือก 5-6 ลูก, มะนาว 2 ลูก, น้ำปลา 2-3 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลทราย 1-2 ช้อนโต๊ะ, เคพกูสเบอร์รี่ 15-20 ลูก
วิธีการทำ
นำกระเทียมลงไปโขลกในครกให้แหลก ตามด้วยหอมแดง จากนั้นโขลกส่วนผสมทั้งหมดให้ละเอียด ใส่พริกขี้หนูลงไป แล้วโขลกต่อจนพริกแหลก จากนั้นใส่เคพกูสเบอร์รี่และหมูสับรวนสุกลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันดี ปรุงรสชาติตามความชอบ เพียงเท่านี้ก็สามารถตักใส่ถ้วยจัดจานเสิร์ฟคู่กับผักหลากชนิดได้เลย
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารเพิ่มเติมได้ที่ Foodspace