เป๋าฮื้อ หรือที่หลายคนเรียกกันว่า “หอยเป๋าฮื้อ” เป็นหนึ่งในประเภทของอาหารที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ไม่เพียงแต่จะเป็นวัตถุดิบที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารมากมาย แต่ยังถือว่าเป็นอาการมงคลตามความเชื่อและวัฒนธรรมของคนบางส่วนอีกด้วย อาหารชนิดนี้จึงมักถูกหยิบมาเป็นวัตถุดิบหลักที่ให้สำหรับมื้ออาหารในโอกาสพิเศษต่าง ๆ แน่นอนว่าการให้คุณค่ากับอาหารเช่นนี้ ทำให้ราคาของเป๋าฮื้อสูงมากตามไปด้วย ตามเราไปเจาะลึกเรื่องราวของหอยชนิดนี้กันว่า มีอะไรน่าสนใจที่ทำให้กลายเป็นเมนูอาหารยอดฮิตในวันพิเศษ
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักเป๋าฮื้อ กับประวัติความเป็นมาตลอดจนสรรพคุณที่ดีต่อร่างกาย ทายแล้วมีประโยชน์อะไรบ้าง
เริ่มต้นจากการทำความรู้จักกับ หอยเป๋าฮื้อ หรือ หอยโข่งทะเล กันก่อน ชื่อของอาหารก็บ่งบอกชัดเจนอยู่แล้วว่าวัตถุดิบดังกล่าวจัดอยู่ในจำพวกสัตว์ตระกูลหอย พบได้ตามซอกหินและชายฝั่งทะเล ความโดดเด่นที่แตกต่างจากหอยชนิดอื่น ๆ นั่นคือ เป็นหอยที่มีฝาเดียว และจะมีรูเล็ก ๆ จำนวนมากบริเวณเปลือก ตัวของหอยดำรงชีวิตด้วยการกินสาหร่ายในทะเลเป็นอาหาร และมีอายุยืนยาว โดยในแถบเอเชียอย่าง ประเทศไทย จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น รวมถึงประเทศแถบทวีปยุโรปและอเมริกา นิยมนำมาประกอบอาหารอย่างแพร่หลาย
เชื่อกันว่าหอยเป๋าฮื้อมีต้นกำเนิดตามประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น โดยพบการใช้หอยในการเขียนเป็นตัวอักษรเพื่อส่งถึงพระเจ้า อาหารที่ทำจากหอยชนิดนี้จึงถือว่าเป็นอาหารสำหรับชนชั้นสูงในอดีต มีเพียงฮ่องเต้ ขุนนาง รวมถึงบุคคลที่มียศถาบรรดาศักดิ์เท่านั้นที่จะได้ลิ้มรสความอร่อยจากหอยทะเล จนเมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงปัจจุบัน ก็กลายเป็นวัตถุดิบแสนอร่อยที่สามารถหาทานได้ง่าย และไม่ว่าจะเป็นคนชนชั้นไหนก็สามารถซื้อทานได้ไม่ยาก มีข้อจำกัดเดียวคือราคาที่ค่อนข้างสูง
แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่หากมีกำลังทรัพย์ก็ถือว่าเป็นอาหารที่คุ้มค่ากับราคาที่จ่าย เพราะประโยชน์ของหอยเป๋าฮื้อที่ดีต่อร่างกายนั้นมีอยู่หลากหลายด้านด้วยกัน อย่างที่เราทราบกันดีว่าอาหารประเภทหอยมักมาพร้อมกับปริมาณคอเลสเตอรอลที่สูง แต่หอยชนิดนี้กลับมีระดับคอเลสเตอรอลที่ต่ำและให้พลังงานน้อย อีกทั้งยังมีสรรพคุณเพียบ ทั้งช่วยป้องกันการดูดซึมคลอเลสตอรอลที่เข้าไปยังทางเดินอาหาร มีคอลลาเจนสูง ช่วยบำรุงกระดูก ข้อต่อ กระดูกอ่อน และกล้ามเนื้อในร่างกาย รวมถึงป้องกันโรคข้อเสื่อม คอลลาเจนดังกล่าวได้มาจากธรรมชาติซึ่งสามารถนำไปสกัดเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ช่วยให้ผิวกระจ่างใสและลดริ้วรอยก่อนวัย ช่วยบำรุงสายตา เพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังป้องกันการเกิดโรคต่าง ๆ ได้อีกด้วย
แนะนำวิธีการทำเมนูกระเพาะปลาเป๋าฮื้อน้ำแดงตามสูตรดั้งเดิม สัมผัสความอร่อยแบบต้นตำรับได้ไม่ยาก
ส่วนผสมเครื่องในการทำ
- กระเพาะปลาที่แช่น้ำจนนิ่มแล้ว 150 กรัม
- เป๋าฮื้อกระป๋อง 1 กระป๋อง
- เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันงา 2 ช้อนชา
- พริกไทยขาว 0.25 ช้อนชา
- ผักชี 2 ต้น
ส่วนผสมซอสน้ำแดง
- ซีอิ๊วขาว 1.5 ช้อนโต๊ะ
- ซอสปรุงรสฝาเขียว 1.5 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม 3 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมซอสน้ำซุป
- น้ำเปล่า 500 มิลลิลิตร
- สะโพกไก่ 1 ชิ้น
- หอมใหญ่ 0.5 หัว
- เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีการทำ
- เริ่มต้นขั้นตอนแรกด้วยการทำน้ำซุปไก่กันก่อน แนะนำให้ใช้หม้อตุ๋น แล้วใส่สะโพกไก่ น้ำเปล่า เกลือ และหอมหัวใหญ่หั่นชิ้นลง ยกขึ้นเตาเปิดไฟเบาและใช้เวลาตุ๋นประมาณ 6 ชั่วโมง
- เมื่อครบเวลาแล้วให้ตักเอาสะโพกไก่ขึ้นมาแล้วเลาะกระดูกออก จากนั้นฉีกเนื้อไก่เป็นชิ้นยาว ๆ ส่วนของน้ำซุปให้กรองเอาเศษหอมใหญ่ออก พักไว้ใช้ทำซอสน้ำแดงในขั้นตอนต่อไป
- เทน้ำซุปที่กรองเตรียมไว้แล้วลงไปในหม้อ รอให้เดือดแล้วจึงใส่กระเพาะปลาลงไปต้ม หลังจากที่น้ำซุปเดือดอีกครั้งจึงใส่ส่วนผสมซอสน้ำแดงทั้งหมดลงไปแล้วคนให้เข้ากัน ตามด้วยเนื้อไก่ฉีก
- หลังส่วนผสมในหม้อเดือดอีกหนให้ปรุงรสด้วยเหล้าจีน เสร็จแล้วใส่เป๋าฮื้อกระป๋องลงไป เลือกใช้เฉพาะส่วนเนื้อเท่านั้น น้ำไม่ต้องใส่ลงไป รอจนส่วนผสมเดือดอีกครั้ง ชิมรสชาติและปรุงได้ตามความชอบ
- หากได้รสชาติซอสน้ำแดงที่ต้องการแล้ว ขั้นตอนนี้ให้ละลายแป้งข้าวโพดในน้ำเปล่าทีละครึ่งช้อน คนให้ทั่ว เคล็ดลับคือต้องรอให้น้ำซุปเดือดก่อนจึงใส่น้ำแป้งลงไปในหม้อ เติมน้ำแป้งจนกว่าจะได้ความเหนียวหนืดที่ต้องการ
- ใส่น้ำมันงาลงไป โรยหน้าด้วยผักชีซอยและพริกไทย จากนั้นคนส่วนผสมให้เข้ากันดี ปิดท้ายด้วยการโรยผักชี จิ๊กโช่วหรือซอสเปรี้ยวตามลงไปก็จะช่วยเพิ่มความหอมและรสชาติที่กลมกล่อมมากขึ้น
บทสรุป เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับหอยเป๋าฮื้อ อาหารมงคลกับเมนูแสนอร่อยที่สามารถทำทานเองง่าย ๆ ได้ที่บ้าน
แม้ความเชื่อที่ว่าการทานหอยเป๋าฮื้อจะส่งผลให้ชีวิตดีขึ้นจะยังไม่ได้รับการพิสูจน์ แต่ความจริงที่ว่าหากนำไปประกอบอาหารแล้วจะทำให้จานนั้นกลายเป็นเมนูเพื่อสุขภาพนั้นถือว่ามีความเป็นไปได้ เพราะหากทานในปริมาณที่เหมาะสมก็จะส่งผลให้ร่างกายมีความแข็งแรงและสมบูรณ์ได้นั่นเอง
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารเพิ่มเติมได้ที่ Foodspace