ส้มโอ ผลไม้รสหวานอมเปรี้ยวซ่า นำมาทำเมนู “ยำส้มโอ” แบบโบราณอร่อยเลื่องชื่อ ใครได้กินเป็นต้องติดใจ ปัจจุบันหาทานยาก จะมีก็แต่ตามร้านอาหารไทย ถ้าเคยลองแล้วถูกใจทำไมไม่ทำกินเองเลยล่ะ ไม่อยากหรอก เดี๋ยวเราบอกสูตรเด็ดให้ เตรียมจดไว้ วิธีทำส้มโอยำแบบโบราณ รสชาติต้นตำรับ เครื่องปรุงน้ำกะทิ รสกลมกล่อม หอมสมุนไพร เพิ่มความสดชื่นระหว่างวัน ถ้าอยากรู้กรรมวิธีการทำเมนูนี้ ห้ามพลาดเด็ดขาด
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
วิธีทำยำส้มโอโบราณ สูตรน้ำยำกะทิดั้งเดิม ทำตามนี้อร่อยแน่!
ยำส้มโอ คืออาหารไทยโบราณจานหนึ่ง นิยมทานเป็นของว่าง อาหารเรียกน้ำย่อย และอาหารล้างปาก โดยใช้ส้มโอแกะเปลือก แบ่งเนื้อออกเป็นซีก แล้วแยกเป็นชิ้น เนื้อผลไม้หวาน ฉ่ำ เด้ง เข้ากันกับเครื่องสมุนไพร น้ำยำกะทิได้ดี รสชาติกลมกล่อม เผ็ดอ่อน เปรี้ยว เค็ม หวาน ครบครัน กลมกล่อมตามสไตล์ชาววัง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจึงกลายเป็นของอร่อยที่ใครกินแล้วก็ชอบ
ประวัติศาสตร์ไทยกับเมนูส้มโอยำโบราณ
ส้มโอ เป็นไม้พื้นถิ่นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอยู่คู่สยามมาอย่างช้านาน ในสมัยก่อนเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอมหวาน คนโบราณจึงคิดริเริ่มนำมายำส้มโอเพื่อตัดรสเปรี้ยวลงจนทานง่าย ส่วนน้ำยำกะทิ ถูกสันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลมาจาก “กาโด กาโด” ของเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซีย
ส่วนส้มโอในยุคปัจจุบันมีรสหวานกว่าเดิม เนื่องจากนวัตกรรมทางการเกษตร ถ้าเป็นส้มโอตามฤดูกาลที่ออกในช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน ก็จะยิ่งหวานฉ่ำนำมาทำส้มโอยำถูกปากคนรุ่นใหม่
ยำส้มโอ ใช้ส้มโอสายพันธุ์ไหน?
– พันธุ์ขาวใหญ่ เป็นส้มโอเนื้อกุ้งใหญ่สีขาวอมเหลือง เนื้อแน่น น้ำหนักดี เมล็ดน้อย เนื้อไม่แฉะเกินไป รสหวานจืด อมเปรี้ยวเล็กน้อย หากเก็บในช่วงฤดูกาลจะหวานอร่อยกินได้โดยไม่ต้องจิ้มพริกเกลือ
– พันธุ์ทองดี ส้มโอทองดีมีเนื้อสีชมพูสวยงาม รสชาติหวาน อมเปรี้ยวเล็กน้อย เนื้อฉ่ำน้ำมาก ทานแล้วให้ความรู้สึกสดชื่น เหมาะสำหรับนำมาทำยำส้มโอ
– ส้มโอขาวแตงกวา เป็นส้มโอพื้นเมืองชัยนาท เนื้อกุ้งใหญ่ สีคราวครีม รสหวานฉ่ำ ติดเปรี้ยวน้อย
การทำยำส้มโอง่าย ๆ เมนูส้มโอต้องใช้อะไรบ้าง?
เมื่อเลือกสายพันธุ์ส้มโอในแบบที่ตัวเองชื่นชอบกันไปแล้ว ก็ได้เวลาซื้อหาวัตถุดิบเพื่อมาประกอบร่างยำให้เสร็จ สำหรับเพื่อน ๆ ที่ไม่รู้ว่าต้องซื้ออะไรที่ตลาดเพิ่มเติมบ้าง เช็คลิสต์ตามนี้ได้เลย
วัตถุดิบสำหรับน้ำยำกะทิ
– น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
– น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
– มะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
– กะทิ 3 ช้อนโต๊ะ
– พริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
– พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ (เผ็ดมาก)
– พริกสด (ปริมาณตามความชอบ)
วัตถุดิบสำหรับเครื่องยำ
– กุ้งแห้ง
– ถั่วลิสงคั่ว หรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์
– มะพร้าวคั่ว
– ต้นหอมซอย 1-2 ต้น
– เนื้อส้มโอ
– ใบมะกรูดซอย
ขั้นตอนวิธีการทำส้มโอยำ สูตรโบราณ
1. ให้นำเนื้อมะพร้าวมาขูด หรือปั่นแล้วคั่วในกระทะจนเกิดสีเหลืองสวย กลิ่นหอม
2. จากนั้นคั่วถั่วลิสงให้สุก แล้วพักเอาไว้จนเย็น
3. ปอกเปลือกส้มโอออก แกะทุกส่วนจนเหลือแค่เพียงเนื้อผลไม้ นำมาแยกเป็นชินพอดีคำ ขั้นตอนนี้ระวังอย่าใช้มีดที่ปอกเปลือกนำมาหั่นเนื้อส้มโอต่อ เพราะอาจทำให้เกิดรสชาติขมเอาได้
4. เริ่มต้นผสมน้ำยำด้วยการเทน้ำปลาลงในภาชนะ
5. ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ เพื่อให้ความหวานละมุนละไมกว่าน้ำตาลทราย ขั้นตอนนี้จะใส่น้ำเชื่อมแทนก็ได้
6. ใส่น้ำมะนาวตามลงไป
7. เสร็จสรรพใช้ทัพพีคนให้น้ำตาลปี๊บละลายจนส่วนผสมทั้งหมดเป็นเนื้อเดียวกัน
8. เทน้ำกะทิ น้ำพริกเผา พริกป่น พริกสดซอยในปริมาณตามข้างต้น แล้วคลุกเคล้าส่วนผสมอีกครั้ง
9. เติมถั่วลิสงคั่ว มะพร้าวคั่ว กุ้งแห้ง ต้นหอมลงไปก็จะเป็นน้ำยำกะทิในแบบโบราณ
10. ใส่เนื้อส้มโอที่เราเตรียมมาแล้วคลุกเคล้าน้ำยำ และผลไม้ให้เข้ากันมากยิ่งขึ้น
11. โรยใบมะกรูดซอยเพิ่มความหอม ก็พร้อมจัดเสิร์ฟให้คนที่เรารักหรือทานเอง
เคล็ดลับความแซ่บแบบยุคใหม่!
สำหรับเพื่อน ๆ ที่ไม่มีน้ำกะทิ แต่อยากลองทำยำส้มโอแบบยุคใหม่หน่อย แนะนำเมนูส้มโอน้ำปลาหวาน ซึ่งเราจะใส่น้ำปลาหวานลงไปแทนเครื่องยำกะทิ เติมหอมแขก ผักชีฝรั่ง และกุ้งลวกเข้าไปด้วยก็ช่วยเพิ่มเติมความอร่อย มีประโยชน์ต่อร่างกาย ส่วนใครชอบปลาร้าก็สามารถใส่เข้าไปในเมนูยำเพื่อชูรสชาติให้เข้มข้นขึ้นได้เช่นกัน จานนี้กินง่าย รสชาติแบบฉบับชาวบ้าน แซ่บถึงใจ เป็นยาระบายอ่อน ๆ ส่งผลดีต่อผิวพรรณ ทำกินเอง หรือทำขายตลาดนัดก็รอด!
สรุป
และทั้งหมดนี้ก็คือสูตรยำส้มโอโบราณ ตามแบบฉบับไทยแท้ที่เราอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้รู้จัก เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ทำไม่ยากเลยใช่ไหม เพียงแต่ต้องใช้เครื่องปรุง วัตถุดิบเยอะหน่อย อยากลืมเลือกส้มโอคุณภาพดี วัตถุดิบสดใหม่ จะช่วยให้รสชาติอาหารเปี่ยมไปด้วยคุณภาพมากยิ่งขึ้น สูตรน้ำยำข้างต้นให้รสชาติกลมกล่อม ไม่เปรี้ยว หวาน หรือเค็มโดดจนเกินไป หากไม่ถูกใจก็สามารถเติมเครื่องปรุงได้เลยเพื่อความถูกปาก และถูกใจ สุดท้ายนี้หวังว่าสิ่งที่นำมาฝากจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะคะ
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารเพิ่มเติมได้ที่ Foodspace