ยำ คือกรรมวิธีการปรุงอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่งในประเทศไทย โดยเฉพาะเมนู “ยำวุ้นเส้น” รสแซ่บ ซึ่งมีหลากหลายสูตรตามความชื่นชอบของแต่ละคน และถ้าปัญหาของคุณคือการทำยำเท่าไรก็ไม่อร่อยเสียที วันนี้เรามาพร้อมสูตรน้ำยำโบราณ ถึงเครื่องครบรส เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบแนวเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ดกลมกล่อม รสไม่โดด เสริมเทคนิคการลวกวัตถุดิบแบบมือโปร ทำกินเองก็ได้ ทำขายโดนใจลูกค้า!
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
วิธีทำยำวุ้นเส้นโบราณ หมูสับ สูตรน้ำยำแม่ค้า ที่ไม่เคยบอกใครมาก่อน!
ถ้าย้อนไปเมื่อราว 50 ปีก่อน “ยำวุ้นเส้น” ถือเป็นเมนูยำแบบใหม่ของเมืองไทย แม้ว่าดั้งเดิมเราจะรู้จักการทำเครื่องยำกันมาอย่างช้านานแล้วก็ตาม สมัยดังกล่าววุ้นเส้นเป็นวัตถุดิบที่นำเข้ามาจากเมืองจีน หายาก มีราคาแพง แต่เมื่อนำมาคลุกเคล้ากับเนื้อสัตว์ลวก พืชผัก และน้ำยำก็เข้ากันอย่างลงตัวจนกลายเป็นขวัญใจเพื่อนสาว ชาวกะเทยมาจนถึงยุคปัจจุบัน
ยำวุ้นเส้น เมนูที่เหมาะสำหรับคนลดน้ำหนัก
วุ้นเส้น ทำมาจากแป้งถั่วเขียว และอาจมีส่วนผสมอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น แป้งมันฝรั่ง หรือแป้งมันสำปะหลัง ขึ้นอยู่กับสูตรของแต่ละท่าน วุ้นเส้นลวกสุก 100 กรัมให้พลังงานประมาณ 60-80 กิโลแคลอรี ซึ่งนับว่าน้อยกว่าข้าว เส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นหมี่เหลือง หรือเส้นหมี่ขาว ในปริมาณใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ก็ยังมีคาร์โบไฮเดรต มากกว่าโปรตีน
หากนำมาทำยำวุ้นเส้น ก็จะเป็นแหล่งพลังงานคาร์โบไฮเดรต แคลต่ำ ทานกับเนื้อสัตว์ลวกกึ่งสุกดิบ ซึ่งมีโปรตีนสูง ถ้าถามว่ากินวุ้นเส้นอ้วนไหม? ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถลดความอ้วนด้วยการรับประทานวุ้นเส้นได้อย่างจริงจัง แต่ก็นับเป็นทางเลือกอย่างหนึ่ง สำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักอยู่
วิธีทำยำวุ้นเส้นโบราณ แบบง่าย ๆ
ก่อนอื่นเราจำเป็นต้องเตรียมวัตถุดิบให้ครบถ้วน ซึ่งความจริงแล้วสามารถใส่อะไรก็ได้ตามความชอบส่วนตัว อย่างเช่น ยำทะเลรวมใส่วุ้นเส้น โดยเราจะมาไกด์วัตถุดิบคร่าว ๆ สำหรับการทำยำในครั้งนี้เผื่อเพื่อน ๆ ที่ไม่มีไอเดียในหัวเลย จะได้เอาไปซื้อตามกันได้ดังนี้
วัตถุดิบทำเครื่องยำ
– วุ้นเส้นแห้ง 100 กรัม
– หมูสับ 200 กรัม
– ถั่วลิสงทอด 30 กรัม
– กุ้งแห้ง 20 กรัม
– กุ้ง 200 กรัม
– เห็ดหูหนูขาว (แช่น้ำ) 100 กรัม
– หมูยอ 150 กรัม
– ขึ้นฉ่าย 1-2 ต้น
– หอมแดง 50 กรัม
– มะเขือเทศ 1 ลูก (ส่วนใหญ่ใช้มะเขือเทศพันธุ์ราชินี)
– น้ำเย็นจัด
วัตถุดิบทำน้ำยำ
– พริกแดงจินดา (ปรับระดับความเผ็ดเองตามใจชอบ)
– น้ำมะนาว 9 ช้อนโต๊ะ (1 ส่วน)
– น้ำปลา 9 ช้อนโต๊ะ (1 ส่วน)
– น้ำตาลปี๊บ 4 ½ ช้อนโต๊ะ (½ ส่วน)
– น้ำกระเทียมดอง 3 ช้อนโต๊ะ (1/3 ส่วน)
ขั้นตอนการทำน้ำยำ สูตรเด็ด
1. นำพริกแดงจินดาไปปั่น หรือตำให้ละเอียด
2. ใส่น้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลปี๊บลงไปตามสัดส่วนข้างต้น
3. ใส่น้ำกระเทียมดอง เพื่อเป็นตัวช่วยสร้างรสชาติอันแสนกลมกล่อมแทนผงชูรสได้ แต่ถ้าใครสามารถทานผงชูรสได้โดยไม่ติดขัดใจ จะใส่เพิ่มลงไปด้วยก็ได้เช่นกัน
4. จากนั้นปั่นทั้งหมดอีกรอบ หรือผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน ให้ลองชิมรสชาติดูก่อนว่าถูกใจไหม โดยคร่าวจะให้รสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด และตามมาด้วยรสหวานไม่บาดลิ้น รสไม่โดด หรือจืดจนเกินไป
ขั้นตอนการทำยำวุ้นเส้น
1. แช่วุ้นเส้นทิ้งเอาไว้ในน้ำประมาณ 5 นาที
2. ตั้งหม้อต้มน้ำรอ
3. หั่นหอมแดง มะเขือเทศ และขึ้นฉ่าย วางเอาไว้ก่อน
4. เตรียมน้ำเย็นเอาไว้ จากนั้นนำกุ้งไปลวกเป็นเวลา 1 นาที แล้วรีบนำขึ้นมาน็อกน้ำจะได้เนื้อกุ้งที่ไม่สุกจนเกินไป ความแน่นกำลังดี
5. นำหมูสับลงไปลวกในน้ำเดือดจัด ใช้ทัพพีคนไม่ให้เนื้อหมูจับตัวกันเป็นก้อนใหญ่
6. นำเห็ดหูหนูขาวตามลงไปในน้ำ ลวกพร้อมกันกับหมูเป็นเวลา 5 นาที
7. ลวกวุ้นเส้นเป็นขั้นตอนสุดท้าย เน้นใช้น้ำน้อย ตั้งไฟกลาง เป็นเคล็ดลับเส้นเหนียวนุ่ม รอจนกว่าเส้นจะสุก จะลวกวุ้นเส้นกี่นาทีแนะนำให้ดูระยะเวลาหลังซอง เนื่องจากแต่ละแบรนด์ใช้วัตถุดิบแตกต่างกันออกไป โดยหลักก็ประมาณ 3-5 นาที นำเส้นไปแช่ในน้ำอุณหภูมิห้องสักพัก ก่อนตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ ทั้งนี้ความเหนียมนุ่มยังขึ้นอยู่กับยี่ห้อของวุ้นเส้นอีกด้วย
8. นำของลวกทั้งหมดใส่รวมกันในชาม
9. โรยเครื่องผักขึ้นฉ่าย มะเขือเทศ หอมแดงที่เราหั่นไว้ตั้งแต่ต้นตามลงไป
10. ใส่ถั่วลิสงทอด และกุ้งแห้งเพื่อเพิ่มความนัว
11. จากนั้นราดน้ำยำและคลุกเคล้าทั้งหมดให้เข้ากันก่อนจัดเสิร์ฟก็เป็นอันเสร็จสิ้น
สรุป
การทำยำวุ้นเส้นโบราณสนุกมากเลยใช่ไหมคะ วิธีทำยำง่ายมาก ไม่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญใด ๆ ทั้งสิ้น เพียงแค่รู้เคล็ดลับในการลวกวัตถุดิบ รวมถึงเลือกของสดใหม่มาเป็นส่วนประกอบ ใช้มะนาวแท้ เพื่อผสมสูตรน้ำยำก็ชูความอร่อยได้อย่างเกินคาด ช่วยเรื่องรสชาติได้เป็นอย่างดี ซึ่งสูตรที่เราแนะนำก็เป็นเพียงความเห็น และความชอบส่วนบุคคล ถ้าเพื่อน ๆ คิดว่าไม่ถูกปากก็สามารถปรับ หรือเติมแต่งน้ำยำให้โดดเด่นตามใจต้องการกันตามสบาย เติมน้ำปลาร้าลงไปก็นัวอีกแบบว่าไหมล่ะ!
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารเพิ่มเติมได้ที่ Foodspace