ไหนใครเคยได้ยินชื่อเมนู “ยำผักบุ้งกรอบ” ผ่านหูกันมาแล้วบ้าง ดูแปลกใหม่มากเลยใช่ไหมล่ะ วัตถุดิบง่าย ๆ ราคาไม่แพงแบบนี้ ทำออกมาแล้วอร่อยใช่เล่น แต่มีข้อแม้ว่าต้องทอดผักให้กรอบ ทำน้ำยำให้อร่อย และถ้าเพื่อน ๆ กำลังตามหาสูตรเด็ด เคล็ดไม่ลับ เรามาพร้อมน้ำยำ 2 รูปแบบทั้งไทยโบราณ ใส่กะทิ และแบบจัดจ้านสมัยใหม่ โดนใจพี่กะเทย ส่วนจะมีกรรมวิธีอย่างไรบ้าง ต้องตามมาดู!
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
วิธีทำยำผักบุ้งกรอบง่าย ๆ สูตรน้ำยำรสเด็ด สไตล์แม่ค้า บอกหมดไม่มีกั๊ก
ยำผักบุ้งกรอบ คือเมนูยำที่นำเอาผักบุ้งมาชุบแป้งทอดกรอบ แล้วทานคู่กับน้ำยำหลากหลายสูตร ไม่ว่าจะเป็นน้ำยำใส่กะทิ พริกเผาแบบโบราณ ให้รสชาติกลมกล่อม หรือน้ำยำรสจัดจ้านแบบใหม่ เพิ่มความอร่อย และโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เมนูผักบุ้งนี้มักพบเห็นได้ตามร้านอาหาร ส่วนใหญ่ใช้เป็นเมนูทานเล่น เรียกน้ำย่อย และกับแกล้มที่หลายคนชื่นชอบ กรรมวิธีไม่ยุ่งยาก แถมยังอร่อยอีกด้วย
วิธีการทำยำผักบุ้งกรอบ เคล็ดไม่ลับที่อยากบอกต่อ
สำหรับการทำผักบุ้งทอดกรอบยำนั้นแตกต่างจากเมนูยำอื่น ๆ เพราะเราจะไม่คลุกเคล้าน้ำยำกับผักบุ้ง เนื่องจากจะทำให้ความกรอบหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ใช้วิธีการจัดเสิร์ฟแยกกัน เมื่อต้องการรับประทานค่อยราดน้ำยำลงไปบนผักทอด ส่วนการทอดผักบุ้งให้กรอบนาน ไม่อมน้ำมัน เพื่อทำยำผักบุ้งกรอบสามารถทำได้ดังต่อไปนี้เลย
วัตถุดิบในการทอดผักบุ้ง
– ผักบุ้ง
– แป้งทอดกรอบ 2 ส่วน
– โซดา 2 ส่วน (แช่ตู้เย็นให้เย็นจัด)
– น้ำมันพืช
ขั้นตอนการทอดผักบุ้งให้กรอบ
1. หั่นผักบุ้งเป็น 2-3 ส่วน
2. นำแป้งทอดกรอบ 2 ส่วนเทลงในภาชนะสำหรับผสม
3. เทโซดาเย็นจัดลงไปทีละนิด แล้วค่อย ๆ ผสมให้เข้ากับแป้งทอดกรอบ จนเป็นเนื้อเดียวกัน ถ้าชอบแป้งบางกรอบมากก็ผสมน้ำให้เหลวเข้าไว้ ความเย็นของโซดาจะช่วยให้ทอดผักได้กรอบนานมากยิ่งขึ้น
4. ตั้งกระทะไฟกลาง ใส่น้ำมันพืชแล้วรอให้น้ำมันร้อนจัด
5. จากนั้นนำผักบุ้งชุบแป้ง แล้ววางลงในน้ำมันร้อนจัด ทอดจนกว่าจะสีเหลืองกรอบค่อยตักมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน วิธีนี้ทำให้ผักของเราไม่อมน้ำมัน และกรอบนานมากยิ่งขึ้น
ทำน้ำยำกะทิ สูตรเด็ดแบบไทยโบราณง่าย ๆ
น้ำยำกะทิ ถือเป็นสูตรเครื่องปรุงแบบโบราณ ซึ่งไทยเราได้รับอิทธิพลมาจากบ้านใกล้เรือนเคียง ปรับปรุงรสชาติ เติมสมุนไพรไทยลงไป ส่วนใหญ่เน้นใช้ยำผัก อย่างเช่น ยำผักบุ้งกรอบ หรือผลไม้ ทำตามได้ดังนี้
วัตถุดิบที่ต้องเตรียม
– หอมแดง 1-2 หัว
– พริกขี้หนู 1 ช้อน (เผ็ดกลาง)
– กุ้ง 100 กรัม
– หมูสับ 100 กรัม
– หัวกะทิ 4 ช้อนโต๊ะ
– น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ
– น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
– น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
– น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำน้ำยำกะทิ
1. ตั้งไฟรวนหมูและกุ้งให้สุกดี
2. ใส่น้ำตาลเคี่ยวลงในภาชนะ
3. ตามด้วยการเติมน้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำมะนาว ใช้ช้อนคนส่วนผสมทั้งหมดให้เป็นเนื้อเดียวกันก่อน
4. เติมหัวกะทิ หอมแดง พริกขี้หนูซอยลงไปผสมให้เข้ากันพร้อมชิมรสชาติ ซึ่งสูตรนี้เปรี้ยว เค็มนำ หวานตาม มีความกลมกล่อมจากกะทิ พริกเผา สามารถเพิ่มลดเครื่องปรุงได้ตามความชื่นชอบส่วนตัว
5. จากนั้นเติมกุ้งและหมูสับลงไป เสิร์ฟพร้อมผักบุ้งกรอบก็เป็นอันเสร็จสิ้น
ทำน้ำยำ สูตรพี่กะเทย แซ่บซูดปาก
สูตรน้ำยำผักบุ้งกรอบนี้จะมีความทันสมัย เน้นรสชาติจัดจ้าน โดดเด่น แบบฉบับชาวบ้าน โดนใจวัยรุ่น ใครก็สามารถทำตามได้ แล้วอร่อยด้วย
วัตถุดิบที่ต้องเตรียม
– น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
– น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
– น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
– พริกสด (เลือกระดับความเผ็ดตามใจ)
– ต้นหอมผักชี 1-2 ต้น
– มะม่วงสับ
– หอมแดงซอย
– หมูสับ
– กุ้งแห้ง
– มะเขือเทศราชินี 1 ลูก
วิธีทำน้ำยำ
1. หั่นมะเขือเทศออกเป็นซีกบาง ๆ
2. ซอยหอมแดงเป็นแผ่น
3. นำต้นหอมผักชีมาซอยละเอียด
4. สับมะม่วงให้เป็นเส้น เหมือนกับเส้นมะละกอ เพื่อเพิ่มสัมผัสกรอบ หากชอบมากก็สามารถใส่มาก
5. ลวก หรือรวนหมูสับให้สุก แล้วนำมาพักในอุณหภูมิห้อง
6. นำน้ำปลา มะนาว และน้ำตาลปี๊บใส่ลงในภาชนะเดียวกัน ใช้ช้อนคนผสมคลุกจนกระทั่งน้ำตาลเนียนกลืนไปกับน้ำปลา และมะนาว
7. เติมหอมแดงซอย มะเขือเทศหั่น พริกซอย มะม่วงสับ ต้นหอมผักชีซอย หมูสับรวน และกุ้งแห้งลงไป ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน จึงนำไปเสิร์ฟคู่กับผักบุ้งทอดกรอบแล้วทานด้วยกันบอกเลยว่าอร่อยมาก
เคล็ดลับความอร่อยคู่ยำผักบุ้งทอดกรอบ
– ทานคู่กับไข่ต้มยางมะตูม เข้ากันได้เป็นอย่างดี รสชาติละมุนลิ้น
– ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ทั้งอิ่ม อร่อย เด็กถูกใจ ผู้ใหญ่รักเลย
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับยำผักบุ้งกรอบ พร้อมน้ำยำ 2 สูตรที่เรานำมาฝากเพื่อน ๆ ส่วนตัวคิดว่าน้ำยำกะทิเหมาะจะทานเป็นกับข้าวแบบไทยมาก รสไม่จัดจนเกินไป ส่วนน้ำยำสูตรพี่กระเทยอร่อยสามรสเน้นเปรี้ยว เค็ม หวานกำลังดี เหมาะสำหรับเป็นเมนูช่วงสิ้นเดือนเพราะทำง่าย ราคาประหยัด แถมยังอร่อยแบบไม่ลืมหูลืมตา แนะนำไม่ได้เลยว่ายำผักบุ้งทอดสูตรไหนอร่อยกว่ากัน เพราะขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล หวังว่าทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนนะคะ
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารเพิ่มเติมได้ที่ Foodspace