กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา เป็นเมนูกับข้าวที่ฮอตฮิตประจำร้านอาหาร แถมยังเป็นเมนูโปรดของหลาย ๆ ครอบครัวไม่แพ้เมนูกะหล่ำปลีผัดไข่ ถึงแม้ว่าจะใช่วัตถุดิบน้อยกว่าแต่ก็อร่อยได้ง่าย ๆ วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปดูเคล็ดลับการทำเมนูนี้ให้อร่อยเหมือนร้านอาหาร พร้อมบอกประโยชน์จัดหนัก จัดเต็ม ที่จะได้รับจากจานเด็ดจานนี้ พร้อมแล้วอย่างรอช้า ตามไปจดสูตรไว้ทำตามกันได้เลย รับรองอร่อยถูกใจแน่นอน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับกะหล่ำปลีทอดน้ำปลา เมนูอาหารที่ใช้วัตถุดิบเพียง 4 อย่าง
กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา หรือที่หลายคนเรียกกันว่า กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา เป็นอีกเมนูในร้านอาหารที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ต้องยอมรับเลยว่าราคาวัตถุดิบที่กำลังพุ่งสูงขึ้นในปัจจุบัน ทำให้เมนูที่มีวัตถุดิบเพียงน้อยนิดนี้ต้องปรับราคาสูงขึ้นตามไปด้วย หลายคนติดใจรสชาติความอร่อยจากที่ร้านจนอยากได้สูตรกะหล่ำปลีทอดน้ำปลามาทำทานเองที่บ้าน หากคุณเป็นอีกคนที่กำลังตามหาสูตรเด็ดความอร่อยต้องตามไปส่องขั้นตอนและวิธีการทำที่เรานำมาฝากกันในวันนี้
แชร์สูตรการทำกะหล่ำปลีทอดน้ำปลา เมนูอาหารง่าย ๆ วัตถุดิบน้อย ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก ใครก็ทำได้
ส่วนผสม
- กะหล่ำปลีขนาดย่อม ๆ 1 หัว
- กระเทียมสับ
- น้ำปลา
- น้ำตาลทราย
วิธีการทำ
- ขั้นตอนแรกเริ่มต้นจากการเตรียมผัก โดยแกะกะหล่ำปลีเป็นใบ ๆ แล้วหั่นหรือฉีกเป็นชิ้นที่เล็กลง จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาด พักไว้
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันรอให้ร้อน แล้วทุบกระเทียมพอหยาบ ใส่ตามลงไปลงไปผัดจนหอม
- ใส่กะหล่ำปลีที่เตรียมไว้ลงไปทิ้งไปประมาณ 10 วินาทีโดยที่ยังไม่ต้องผัด แล้วค่อย ๆ เริ่มผัดช้า ๆ แบบไม่ต้องรีบ ผัดคลุกเคล้าให้ใบกะหล่ำโดนน้ำมันทั่วทุกใบ
- จากนั้นตะล่อมกะหล่ำปลีให้มารวมอยู่กลางกระทะ พักไว้ประมาณ 5 วินาที แล้วใส่น้ำปลาลงไปรอบ ๆ ขอบกระทะ และระวังไม่ให้ถูกตัวกะหล่ำเพราะเคล็ดลับความอร่อยคือขั้นตอนสำคัญนี้นี่เอง
- น้ำปลาจะค่อย ๆ ไหม้และไหลลงไปกลางกระทะ รอให้สุกหอมแล้วค่อย ๆ ผัด โดยการเอากะหล่ำปลีขึ้นไปเช็ดน้ำปลาตรงขอบกระทะไปเรื่อย ๆ ประมาณ 20 วินาที ตามด้วยน้ำตาล ผัดจนมีกลิ่นหอมแล้วจึงปิดเตา ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ
เคล็ดลับการทำกะหล่ำปลีทอดน้ำปลาให้อร่อย
เคล็ดลับในการทำเมนูนี้ให้อร่อย เริ่มตั้งแต่การใช้เลือกวัตถุดิบหลัก โดยเน้นวัตถุดิบที่สุดใหม่ วิธีเลือกกะหล่ำปลีให้สังเกตจากใบที่ต้องกรอบ แตกหักง่าย และไม่หลุดออกจากกัน ในขั้นตอนการล้างก็ต้องสะเด็ดน้ำให้แห้งสนิท ส่วนการผัดจะต้องใช้ไฟแรง ผัดในน้ำมันร้อนจัดและต้องใช้เวลาในการผัดให้น้อยที่สุด วัตถุดิบอีกอย่างที่ถือว่าเป็นตัวชูรสคือ น้ำปลา ซึ่งถ้าจะให้หอมอร่อยต้องเลือกน้ำปลาแท้ เหยาะตรงขอบกระทะให้สัมผัสกับกระทะโดยตรง แล้วปิดท้ายด้วยการเอาผักไปผัดกับรอยน้ำปลาไหม้ ๆ รอบกระทะ
พาส่องประโยชน์ของจานเด็ดแสนอร่อย ทานกะหล่ำปลีทอดน้ำปลา อาหารง่าย ๆ ได้อะไรมากกว่าที่คิด
เมนูกะหล่ำปลีทอดน้ำปลา เป็นอาหารจานอร่อยประจำบ้านที่สามารถทำตามได้ง่าย ถูกใจทุกคนในบ้าน เมนูที่ผัดเมื่อไหร่ก็ส่งกลิ่นหอมชวนให้อยากลิ้มลอง กลิ่นกระเทียมเจียว กับรสชาติกลมกล่อมของผักที่ผัดพอสลดในน้ำขลุกขลิก ยิ่งได้ทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ รับรองว่าฟิน เรียกได้ว่าเป็นการเติมเต็มช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านมื้ออาหารสุดเรียบง่าย ไม่เพียงแต่จะเป็นเมนูอาหารทำง่าย วัตถุดิบน้อย ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก แต่ยังเป็นเมนูที่ช่วยให้ประหยัดเงินในบัญชี แถมยังมีประโยชน์ ดีต่อร่างกายสุด ๆ
ในเมนูนี้ใช้วัตถุดิบเพียง 4 อย่างเท่านั้น ซึ่งวัตถุดิบหลักก็คือ “กะหล่ำปลี” เป็นผักชนิดที่อุดมไปด้วยวิตามินซีสูง หากจะเปรียบเทียบให้เห็นได้ชัด ๆ การกินกะหล่ำปลีเพียง 1 ถ้วย เทียบเท่ากับได้กินส้มเขียวหวานเข้าไป 1 ลูกเลยทีเดียว นอกจากนี้ก็ยังมีวิตามินชนิดอื่นอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นวิตามินบี 2 วิตามินอี โฟเลต และเบต้าแคโรทีน รวมถึงแร่ธาตุอื่น ๆ อย่าง เหล็ก โพแทสเซียม และแมกนีเซียม จึงมีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ช่วยลดคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง ทั้งยังมีส่วนช่วยให้นอนหลับสบายขึ้นอีกด้วย
แต่หากเลือกทานแบบดิบ ๆ อาจให้โทษมากกว่านำไปผ่านความร้อน เนื่องจากในกะหล่ำปลีที่ยังไม่สุกนั้น ประกอบไปด้วยสาร Goitrogen ซึ่งเป็นสารตั้งต้นที่ทำให้เกิดโรคคอหอยพอก แนะนำให้เลือกทานแบบที่ปรุงสุกเรียบร้อยแล้ว ร่างกายก็จะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ ที่สำคัญควรทานในปริมาณที่พอเหมาะจะดีที่สุด
นอกจากกะหล่ำปลีแล้ว เมนูกะหล่ำปลีทอดน้ำปลายังขาด “กระเทียม” ไม่ได้อีกด้วย ส่วนใหญ่แล้วเรานิยมใส่กระเทียมเพื่อให้อาหารมีกลิ่นหอมน่าทานมากขึ้น แต่แน่นอนว่ากระเทียมอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารที่มากมายไม่แพ้กะหล่ำปลีเลย ทั้งยังช่วยบรรเทาอาการและรักษาโรคได้หลายโรค ไม่ว่าจะเป็นเสริมภูมิต้านทาน หรือช่วยปรับสมดุลร่างกาย มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย ช่วยขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ รักษาโรคบิด หรือจะเป็นในส่วนของการขับเสมหะ แก้หวัด ตลอดจนลดความดัน ลดคอเลสเตอรอล ไขมัน และน้ำตาลในเลือดได้ดี แถมยังลดความเสี่ยงต่อโอกาสที่จะเกิดโรคหัวใจได้เช่นกัน
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารเพิ่มเติมได้ที่ Foodspace