หนึ่งในเมนูอาหารว่างที่มักถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหารก่อนอาหารหลัก หลายคนคงนึกถึง หอยจ๊อ เมนูขอทอดแสนอร่อยที่นอกจากจะทำให้อิ่มท้องได้แล้ว ยังช่วยเติมความสุขของมื้ออาหารได้เป็นอย่างดี ใครกำลังตามหาสูตรเด็ดการทำเมนูนี้อยู่ ถือว่ามาถูกทางแล้ว เพราะวันนี้เรามีเคล็ดลับในการทำเมนูนี้ พร้อมวิธีการทอดอย่างไรให้ออกมากรอบนอกนุ่มใน รับรอง ไม่ยากอย่างที่คิด
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับ “หอยจ๊อ” สิ่งนี้คืออะไร
“หอยจ๊อ” หรือที่เรียกกันว่า “ฮ่อยจ๊อ” เป็นหนึ่งในเมนูอาหารจีนแต้จิ๋ว ตามตำรับดั้งเดิมนั้นทำมาจากเนื้อปู จึงมีอีกหนึ่งชื่อเรียกที่ได้ยินกันบ่อย นั่นก็คือ “จ๊อปู” แต่ในปัจจุบันนี้ได้มีการประยุกต์เอาเนื้อสัตว์ชนิดอื่นมาใช้ร่วมด้วย แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น นี่ก็เป็นเมนูที่ยังคงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากอยู่เช่นเดิม
แชร์สูตรการทำหอยจ๊อ เมนูอร่อยไส้แน่น
ใครที่ชื่นชอบหอยจ๊อต้องไม่พลาดเข้ามาจดสูตรและวิธีทำที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ เพราะเราเข้าใจดีว่าการซื้ออาหารโปรดมาทานที่บ้าน หลายครั้งอาจต้องใช้เวลาสุ่มและเสี่ยงเพื่อหาร้านที่ได้รสชาติถูกปาก ถูกใจ แต่คงจะง่ายกว่าหากเรานำสูตรสำเร็จที่แสนอร่อยมาปรับให้เข้ากับรสมือของตัวเอง โดยสูตรที่ต่อไปนี้ เป็นสูตรเด็ดความอร่อยที่จะทำให้คุณได้ทานจานโปรดอย่างสบายใจมากที่สุด จะเป็นอย่างไร ไปติดตามพร้อมกันได้เลย
ส่วนผสม
- เนื้อกรรเชียงปูนึ่งสุก 1 กิโลกรัม
- เนื้อหมูบดติดมัน 500 กรัม
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 3 ช้อนโต๊ะ
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- กระเทียมสด 5 ช้อนโต๊ะ
- ก้านผักชีหรือรากผักชีซอย 2 ช้อนโต๊ะ
- ต้นหอมซอย 3 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่น 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันหอย 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
- ฟองเต้าหู้สด
- ฟ็อกกี้ใส่น้ำเปล่า สำหรับฉีดฟองเต้าหู้สด
- เชือกปอ สำหรับผูกอาหาร
วิธีการทำ
นำเนื้อหมูติดมันมาคลุกเคล้ากับพริกไทยป่น กระเทียมสด ก้านผักชีหรือรากผักชี จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำมันหอย น้ำมันงา น้ำตาล และเกลือ เติมไข่ไก่ ตามด้วยแป้งสาลีลงไปก่อนที่จะนวดให้ส่วนผสมเข้ากันดี จากนั้นใส่เนื้อกรรเชียงปูและต้นหอมซอยลงไป คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้พอเข้ากัน แนะนำให้ค่อย ๆ ทำอย่างเบามือ เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อปูแหลกจนเกินไป
ขั้นตอนต่อไปจะเป็นในส่วนของการเตรียมห่อจ๊อ ใช้ฟ็อกกี้ฉีดน้ำลงบนแผ่นฟองเต้าหู้สดเล็กน้อย ใช้มือลูบให้นิ่มลง จากนั้นใช้กรรไกรตัดให้ได้ความยาวประมาณ 1 ฟุต แล้วนำฟองเต้าหู้มาแผ่ออก ตักส่วนผสมของไส้วางไว้ตรงกลางในแนวยาว โดยเว้นระยะขอบไว้ประมาณครึ่งนิ้ว จากนั้นทาขอบที่เว้นไว้ด้วยแป้งสาลีผสมน้ำ ลำดับต่อไปใช้มือค่อย ๆ ม้วนจนแน่นแล้วมัดด้วยเชือกปอ นำไปนึ่งในน้ำเดือด โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที
เมื่อนึ่งเสร็จแล้วให้พลิกกลับด้านหอยจ๊อ ผึ่งให้แห้ง เพื่อไม่ให้เนื้อสัมผัสแฉะจนเกินไป จากนั้นนำมาแกะเชือกออก แล้วตัดแบ่งเป็นชิ้นตามรอยผูก ปิดท้ายด้วยการนำลงไปทอดในน้ำมันที่ร้อนพอประมาณ คนเรื่อย ๆ จนเหลืองกรอบกำลังดี เพียงเท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟ
วิธีการทำน้ำจิ้ม
เมื่อได้อาหารจานอร่อยแล้ว จะขาดน้ำจิ้มรสเด็ดไว้ทานคู่กันไม่ได้ ต่อไปนี้จึงเป็นสูตรน้ำจิ้มหอยจ๊อที่สามารถทำตามได้ง่าย ๆ ไม่ต้องหาซื้อให้ยุ่งยาก รับรองว่าสูตรที่เรานำมาฝาก จะทำให้จานนี้อร่อยถูกใจคนทานอย่างแน่นอน แต่จะมีวัตถุดิบและขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง ตามไปดูพร้อมกันได้เลย
ส่วนผสม
- บ๊วยดอง 1 เม็ด
- น้ำสะอาด 60 กรัม
- พริกชี้ฟ้าแดงผ่าเมล็ด 2 เม็ด
- กระเทียม 10 กรัม
- น้ำตาลทราย 100 กรัม
- น้ำส้มสายชู 170 กรัม
วิธีการทำ
เริ่มด้วยการนำบ๊วยดองใส่ลงในถ้วย จากนั้นใช้ช้อนบี้เนื้อบ๊วยผสมกับน้ำสะอาดให้ละเอียดและเข้ากันดี นำส่วนผสมที่เตรียมไว้นี้ใส่ลงในกระทะ ทำการเคี่ยวพร้อมน้ำสะอาดโดยใช้ไฟกลาง หลังจากเดือดดีแล้วให้เบาไฟลง แล้วใส่พริกชี้ฟ้าผ่าเมล็ด กระเทียม น้ำตาลทราย และน้ำส้มสายชูลงไปคนผสมให้เข้ากัน ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วก็สามารถตัดเสิร์ฟได้เลย
บอกต่อเคล็ดลับการทำหอยจ๊อให้อร่อย
แม้หอยจ๊อจะเป็นเมนูทานเล่นรองท้องพอเรียกน้ำย่อย แต่เรื่องของรสชาติความอร่อยนั้นก็สำคัญไม่น้อย แน่นอนว่าแม้เราจะมีสูตรเด็ดอยู่ในมือแล้ว เคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เพิ่มเข้าไปจะช่วยให้อาหารของเรามีคุณภาพมากขึ้น เคล็ดลับที่เรานำมาฝากจะมีอะไรบ้าง ไปติดตามกันได้เลย
- การเลือกเนื้อปู แนะนำให้ใช้เนื้อปูม้า เพราะจะให้รสสัมผัสที่นุ่ม หวาน ฉ่ำ โดยเน้นไปที่การเลือกปูม้าตัวผู้ เพราะจะได้เนื้อที่แน่นกว่าตัวเมีย เลือกตัวที่ดวงตาใส น้ำหนักดี เนื้อแน่น หรือหากต้องการความสะดวก ก็สามารถใช้เนื้อปูก้อนสำเร็จรูปก็ได้เช่นกัน
- การเลือกเนื้อหมู ให้เลือกใช้เนื้อหมูที่สดซึ่งจะมีสีชมพูอ่อน ไม่มีรอยคล้ำ และไม่ซีดจนเกินไป เมื่อใช้นิ้วกดดูแล้วเนื้อเด้งคืนตัว ไม่บุ๋มลงไป
- การทอดจ๊อให้กรอบนอกนุ่มในก็สามารถทำได้ไม่ยาก เพียงแค่ใส่น้ำมันลงในกระทะให้ท่วมชิ้นหอยจ๊อ ใช้ไฟแรง เมื่อน้ำมันร้อนจึงค่อยหรี่ไฟลง จากนั้นทอดด้วยไฟอ่อนจนได้เนื้อสีเหลืองทอง
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารเพิ่มเติมได้ที่ Foodspace