ชวนสายผัก สายกินทั้งหลายมาทำขนมกุยช่าย หนึ่งในเมนูทานเล่นที่สามารถทำตามได้ง่าย ๆ ใช้วัตถุดิบไม่เยอะ ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ที่สำคัญมือใหม่สามารถทำได้แน่นอน โดยในวันนี้ทางเราได้รวบรวมเอาวิธีทำขนมกุยช่ายหลากหลายสไตล์มาฝากกัน รับรองว่าสามารถนำไปทำทานได้บ่อย ไม่มีเบื่อ แต่ก่อนจะไปจดสูตรเด็ดความอร่อย ตามเราไปดูประโยชน์จากการทานขนมชนิดนี้กันก่อน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ประโยชน์ของการทานขนมกุยช่าย มีมากกว่าที่คิด
ขนมกุยช่าย เป็นหนึ่งในเมนูอาหารว่างที่มีส่วนประกอบหลักอยู่ 2 ส่วน นั่นก็คือ ส่วนของแป้งที่ให้สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตแบบจัดเต็ม และใบกุยช่าย พืชที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์หลากหลาย ทั้งช่วยรักษาอาการหวัด บำรุงสมอง บำรุงสายตา เสริมการทำงานของหัวใจ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับร่างกาย
แชร์ 3 สูตรการทำขนมกุยช่าย เลือกได้หลายรูปแบบ
1.กุยช่ายนึ่ง
ส่วนผสมกุยช่าย
กุยช่าย 500 กรัม, เกลือ 1/2 ช้อนชา, เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา, น้ำมัน 1/2 ถ้วย, แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย, แป้งมัน 1/2 ถ้วย, น้ำเปล่าต้มเดือด 1+1/2 ถ้วย
ส่วนผสมน้ำจิ้ม
ซีอิ๊วหวาน 3 ช้อนโต๊ะ, น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ, พริกขี้หนูตำละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำ
เริ่มต้นด้วยการเตรียมไส้ โดยนำกุยช่ายมาล้างด้วยน้ำสะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กใส่ลงในชามผสม เติมเบกกิ้งโซดาและเกลือลงไป ใช้มือขยำส่วนผสมให้เข้ากันจนผักสลด จากนั้นใส่น้ำมันพืชลงไปคลุกเคล้ากันอีกครั้ง ก่อนเทใส่กระชอนพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
ลำดับต่อไปเป็นส่วนของการเตรียมแป้งขนมกุยช่าย ให้เทแป้งข้าวเจ้าผสมกับแป้งมัน คนให้ส่วนผสมเข้ากันแล้วเติมน้ำร้อนจัดลงไปในส่วนผสมแป้ง คนจนได้แป้งเหนียวจับตัวกัน เมื่อแป้งคลายความร้อนแล้วนำออกมานวดต่อด้วยมือ
หลังจากได้แป้งเนื้อเนียนดีแล้ว ให้แบ่งแป้งออกแล้วแผ่เป็นแผ่นบาง ๆ ขนาดตามต้องการ ตักส่วนผสมของไส้ที่เตรียมไว้มาวางตรงกลางแป้ง ห่อให้มิดชิดแล้วพักไว้
เตรียมหม้อนึ่งโดยใช้ใบตองมารองก้น จากนั้นใช้มีดกรีดใบตองเพื่อให้น้ำสามารถไหลลงไปได้ นำกุยช่ายที่ห่อเตรียมไว้มาวางเรียงให้ห่างกันเล็กน้อย ใช้เวลานึ่งประมาณ 15 นาที หรือรอจนกว่าแป้งจะสุก
ระหว่างรอให้แป้งสุกให้หันมาทำน้ำจิ้มรอ ผสมซีอิ๊วดำหวานกับน้ำส้มสายชู ตามด้วยน้ำตาลทรายและพริกขี้หนูตำละเอียด คนให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จ
2.กุยช่ายแป้งสด
ส่วนผสมแป้งกุยช่าย
แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วย, แป้งมัน 1 ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำ 1+1/2 ถ้วย, น้ำใบเตย 1 ถ้วย
ส่วนผสมไส้กุยช่าย
กุยช่ายซอย 500 กรัม, เกลือสมุทร 1 ช้อนชา, น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ, กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
ส่วนผสมน้ำจิ้มกุยช่าย
น้ำตาลทราย 1 ถ้วย, ซีอิ๊วดำหวาน 1/4 ถ้วย, น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วย, น้ำ 1/4 ถ้วย, เกลือสมุทร 2 ช้อนชา, พริกขี้หนูสดบด 1 ช้อนโต๊ะ, กระเทียมไทยบด 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำ
เริ่มขั้นตอนแรกด้วยการทำไส้ผัก โดยหมักใบกุยช่ายกับเกลือ พักไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นตั้งกระทะใส่น้ำมันแล้วเปิดไฟปานกลาง ใส่กระเทียมลงไปผัดจนส่งกลิ่นหอม ตามด้วยส่วนผสมไส้ผักที่เตรียมไว้และน้ำตาลทราย ผัดจนใบกุยช่ายสุกนุ่มแล้วตักขึ้นพักไว้
ขั้นตอนต่อไปเป็นการทำแป้ง ด้วยการผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และน้ำเข้าด้วยกัน เติมน้ำทีละน้อยไปพร้อมกับการนวดให้แป้งละลายเข้ากันดี เติมน้ำที่เหลือจนหมด คนให้เข้ากันอีกครั้ง ระหว่างนั้นสามารถเตรียมตั้งหม้อคอคอดที่ใส่น้ำ 2/3 ของหม้อ ขึงผ้าโทเรแล้วมัดให้แน่น ดึงให้ตึง และเจาะรูบนปากหม้อเพื่อให้ไอน้ำสามารถระเหยออกมาได้ ตั้งหม้อบนไฟปานกลาง ปิดฝารอจนน้ำเดือด
เมื่อน้ำเดือดได้ที่ให้ใช้ทัพพีคนส่วนผสมแป้งแล้วตักแป้งละเลงเป็นแผ่นบาง ๆ ปิดฝาครอบเพียง 5 วินาที จากนั้นตักไส้กุยช่ายใส่ ใช้พายปาดให้แป้งย่นและหุ้มไส้จนมิด ตักใส่จานที่มีน้ำมันเล็กน้อย โรยกระเทียมเจียว ก่อนเสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้ม ที่ได้จากการเคี่ยวน้ำตาลทราย ซีอิ๊วดำหวาน น้ำส้มสายชู เกลือ และน้ำในหม้อ คนจนละลายก็สามารถยกลงรอให้อุ่น ปิดท้ายด้วยการใส่พริกขี้หนูและกระเทียม
3.กุยช่ายทอด
ส่วนผสม
ใบกุยช่ายซอย 300 กรัม, กระเทียมสับละเอียด 5 กลีบ, แป้งข้าวเจ้า 300 กรัม, แป้งมัน 3 ช้อนโต๊ะ, เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา, เกลือป่น 1/2 ช้อนชา, น้ำ 1 ถ้วย, น้ำมันพืช สำหรับทอด, ซีอิ๊วดำผสมน้ำส้มสำหรับทานคู่กัน
วิธีการทำ
เตรียมตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย ตามด้วยกระเทียมและใบกุยช่าย ผัดจนผักสลดแล้วตักขึ้นพักไว้ จากนั้นนำใบกุยช่ายที่ผัดเตรียมไว้มาผสมกับแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน เบกกิ้งโซดา และเกลือป่น คนผสมให้เข้ากันแล้วเติมน้ำตามลงไป นวดส่วนผสมแป้งให้เข้ากันอีกครั้งก่อนจะตักใส่ถาด นำไปนึ่งจนสุก จากนั้นนำออกจากถาดแล้วตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ตั้งกระทะอีกครั้ง ใส่น้ำมันพืชลงไป รอจนร้อนจึงใส่กุยช่ายที่ผ่านการนึ่งมาแล้วลงไปทอดจนกรอบ ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมันก็พร้อมเสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้ม
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารเพิ่มเติมได้ที่ Foodspace