ขนมกง หนึ่งในขนมไทยโบราณที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน แต่ด้วยรสชาติที่หวานมันและความหมายที่เป็นมงคล ทำให้ขนมกงยังคงเป็นที่นิยมในเทศกาลและงานมงคลต่าง ๆ ขนมกงไม่เพียงแต่อร่อย แต่ยังสามารถทำทานเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับประวัติความเป็นมาและวิธีทำที่แสนง่าย รับรองว่ามือใหม่ก็สามารถทำตามได้แน่นอน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
รู้จัก “ขนมกง” ขนมโบราณในงานมงคล มีประวัติความเป็นมาอย่างไร ไปดู!
ขนมกง หรือ ขนมกงเกวียน ขนมที่มีรสชาติและหน้าตาเป็นเอกลักษณ์ มีรูปร่างเหมือนล้อเกวียน เป็นหนึ่งในขนมไทยโบราณที่สมัยก่อนมักจะมาพร้อมกับขนมชะมดและขนมสามเกลอ แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลายอย่างก็เปลี่ยนแปลง ทำให้ขนมโบราณหลาย ๆ ชนิดเริ่มหายไป และหาทานได้ยากขึ้นในยุคปัจจุบัน แต่สำหรับขนมกง แม้จะไม่ได้หาทานได้ทั่วไป แต่ก็ไม่ได้หายไปเลยเสียทีเดียว ยังคงมีให้เห็นอยู่บ้างในบางโอกาส
ลักษณะของขนมกงจะเป็นวงกลมที่มีเส้นไขว้พาดกันตรงกลาง และเป็นที่รู้จักกันมากในโซนภาคกลางของไทย ในอดีตถือเป็นขนมมงคลงานแต่ง หรือเรียกว่าเป็นขนมขันหมากก็ว่าได้ โดยจะอยู่คู่กับขนมสามเกลอ เป็นตัวแทนของการอวยพร ให้คู่บ่าวสาวครองรักกันไปนาน ๆ มีความหนักแน่นในความสัมพันธ์ เปรียบเสมือนความรักที่ยืนยาว ไม่มีสะดุด
ขนมกงไม่ได้มีเพียงแค่ในงานมงคลเท่านั้น ในช่วงเวลาปกติก็สามารถหาทานได้เช่นกัน แต่จะมีขนาดเล็กกว่าเท่านั้น เมนูขนมไทยตามตำรับโบราณของแท้ ไส้จะต้องโปร่ง และแป้งที่เคลือบจะต้องมี “หัวแก้วหัวแหวน” ที่เป็นเม็ดพอง ๆ ขึ้นตามวงขนม ซึ่งยิ่งขึ้นเยอะก็ยิ่งดี นอกจากนี้ยังมีความหมายแฝงที่นำไปใช้ในประเพณีสารทเดือนสิบของทางภาคใต้ ซึ่งสื่อความหมายถึงกงเกวียนที่กำลังหมุนไปข้าวหน้า เหมือนพระธรรมจักร นั่นเอง
แจกสูตรขนมกง ขนมสไตล์ไทย รสชาติสุดคลาสสิก
สำหรับใครที่คิดถึงรสชาติหวานมันของขนมกง แต่ไม่รู้ว่าจะหาทานได้จากที่ไหน ขอบอกเลยว่าไม่ต้องง้อร้านอีกต่อไป สามารถทำด้วยตัวเองได้ที่บ้านแบบง่าย ๆ จากสูตรและวิธีทำที่เรานำมาฝากในวันนี้ รับรองเลยว่าขั้นตอนการทำนั้นไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด มือใหม่ก็ทำตามได้สบาย ได้ขนมรสชาติดี อร่อย แถมเก็บไว้ทานได้นานตลอดสัปดาห์ ถูกปาก ถูกใจคนในครอบครัวแน่นอน
ส่วนผสมขนมกง
- ถั่วเขียวเลาะเปลือก 300 กรัม
- งาขาว 100 กรัม
- กะทิ 300 กรัม
- น้ำตาลทราย 200 กรัม
- น้ำตาลปี๊บ 80 กรัม
ส่วนผสมแป้งชุบ
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 100 กรัม
- ไข่แดง 1 ฟอง
- น้ำสะอาด 250 กรัม
- เกลือ 2 กรัม
- น้ำมันรำข้าว 25 กรัม
- น้ำมันรำข้าว สำหรับทอด
วิธีการทำ
- นำถั่วเขียวเลาะเปลือกมาล้างด้วยน้ำสะอาด จากนั้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ ก่อนจะนำไปคั่วด้วยไฟอ่อนจนได้ถั่วเขียวเลาะเปลือกที่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน ส่งกลิ่นหอม ใช้เวลาคั่วประมาณ 25-30 นาที
- เสร็จแล้วตักขึ้นใส่ภาชนะ พักให้เย็นลง แล้วนำไปบดให้ละเอียด ตามด้วยขั้นตอนการร่อนและคั่วให้ได้น้ำหนักประมาณ 240 กรัม แล้วพักไว้
- นำงาขาวมาล้างทำความสะอาด ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นนำไปคั่วจนส่งกลิ่นหอมและมีสีน้ำตาลอ่อน ๆ พักให้เย็นแล้วนำไปบุบให้พอแตก
- ตั้งกระทะ ใส่กะทิ น้ำตาลทราย และน้ำตาลปี๊บ คนให้ส่วนผสมเข้ากัน เมื่อน้ำตาลละลายแล้วให้เคี่ยวต่อเป็นเวลาประมาณ 5 นาที เพื่อให้ส่วนผสมข้นขึ้นเล็กน้อย
- ใส่ถั่วเลาะเปลือกบดและงาที่เตรียมไว้ลงไป กวนส่วนผสมจนข้นแล้วยกออกจากเตา พักให้อุ่นในอุณหภูมิที่มือแค่พอสัมผัสได้ โดยไม่รอให้เย็นสนิท เนื่องจากจะทำให้ส่วนผสมแข็งตัว จนไม่สามารถปั้นได้นั่นเอง
- แบ่งส่วนผสมออกมาปั้นเป็นแท่งที่มีความยาวประมาณ 3-4 นิ้ว จับปลายชนกันเป็นวง และแบ่งส่วนผสมปั้นเป็นแท่งยาวและตัดให้มีขนาดเท่ากับเส้นผ่านศูนย์กลางของขนมที่ปั้นไว้ส่วนแรก วางพาดให้มีลักษณะไขว้กันเหมือนล้อเกวียน
- ผสมแป้งสาลี เกลือ และน้ำมันรำข้าว 25 กรัม เข้าด้วยกัน เติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย พอให้แป้งจับตัวเป็นก้อน นวดส่วนผสมให้เข้ากันดีก่อนจะใส่ไข่แดงลงไป นวดอีกครั้ง และเติมน้ำเปล่าที่เหลือลงไป คลุกเคล้าส่วนผสมให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
- กระทะและใส่น้ำมันลงไป ใช้ไฟปานกลางในการทอด นำขนมที่ปั้นเตรียมไว้ไปชุบลงในแป้งทอด จากนั้นนำลงทอดในกระทะจนสุกเหลือง ทอดจนกรอบได้ที่แล้วตักขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน เพียงเท่านี้ก็จะได้ขนมกงพร้อมเสิร์ฟ แถมยังเก็บไว้ทานได้นานถึง 1 สัปดาห์
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารเพิ่มเติมได้ที่ Foodspace