ตำขนุน เป็นเมนูอาหารล้านนา ซึ่งมีอีกหนึ่งชื่อเรียกตามภาษาท้องถิ่นว่า “ตำบ่าหนุน” ตำรับอาหารไทยภาคเหนือที่ใช้วิธีการปรุงเป็นการตำ โดยวิธีทำตำขนุนนั้นง่ายกว่าที่หลายคนคิด เพียงนำเอาขนุนอ่อนที่ผ่านการต้มมาแล้วไปโขลกรวมกับเครื่องแกง ต่อด้วยการผัดน้ำมันและใส่มะเขือเทศ มะกรูด เพียงเท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟ นอกจากจะได้รับประโยชน์จากขนุนอ่อนที่ดีต่อร่างกายแล้ว ยังสามารถนำไปทำเมนูแสนอร่อยได้อีกหลากหลายเมนูเลยทีเดียว แต่จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปติดตามพร้อมกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
แชร์สูตรการทำตำขนุนง่าย ๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน รับรองอร่อยถูกใจ
ส่วนผสม
- ขนุนอ่อน 400 กรัม
- เนื้อหมูสับ 100 กรัม
- ใบมะกรูด 5 ใบ
- กระเทียมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
- ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
- ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูแห้งทอด 5 เม็ด
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมเครื่องแกง
- พริกขี้หนูแห้ง 15 เม็ด
- กระเทียม 10 กลีบ
- หอมแดง 5 หัว
- ข่าหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
- ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ
- กะปิ 1 ช้อนชา
- ปลาร้าต้มสุก 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ ½ ช้อนชา
วิธีการทำ
- นำขนุนมาหั่นตามขวาง จากนั้นนำไปต้มให้เปื่อยในน้ำเดือด ตักขึ้นมาพักไว้ แล้วนำขนุนที่ต้มเตรียมไว้มาโขลกให้ละเอียด
- ขั้นตอนนี้เป็นส่วนของการเตรียมเครื่องแกง นำพริกขี้หนูแห้ง กระเทียม หอมแดง ข่าหั่น ตะไคร้ซอย กะปิ ปลาร้าต้มสุก และเกลือ ลงไปโขลกรวมกันให้เนียนละเอียด
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย เจียวกระเทียมให้พอเหลือง ตามด้วยเครื่องแกง ผัดจนหอมแล้วใส่หมูสับตามลงไปผัดให้หมูสุก
- หลังจากหมูสับสุกเป็นที่เรียบร้อยเติมใส่มะเขือเทศลงไป ตามด้วยขนุนที่เตรียมไว้ ผัดให้ส่วนผสมเข้ากันดี ปิดท้ายด้วยการใส่ใบมะกรูด ปิดเตา แล้วตักใส่จานเสิร์ฟได้เลย
เคล็ดลับความอร่อย
เคล็ดลับในการทำเมนูตำขนุนให้อร่อยนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงแค่ต้องเลือกขนุนที่ยังอ่อน เนื้อต้องเป็นสีขาว และเม็ดขนุนนั้นก็ต้องอ่อนด้วย ที่สำคัญคือขั้นตอนในการปรุง โดยก่อนนำไปปรุงรสนั้นให้ต้มขนุนจนเปื่อยก่อน เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้เมนูตำขนุนของเรา อร่อยมากยิ่งขึ้น
แนะนำ 3 เมนู นอกจากตำขนุน สามารถนำขนุนเนื้ออ่อนไปทำอะไรได้อีกบ้าง
1.ขนุนอ่อนต้มจิ้มน้ำพริก
ส่วนผสม
ขนุนอ่อนต้มทั้งลูก (700 กรัม) 1 ลูก, น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ, ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนชา, พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ, หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ, ใบมะกรูดซอย 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำ
เริ่มต้นจากการทำน้ำพริกกันก่อน นำน้ำมะขามเปียก ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลปี๊บมาผสมกันในชามผสม คนผสมจนน้ำตาลละลายเข้ากับส่วนผสมอื่น ๆ จากนั้นใส่พริกป่นลงไปคนให้ทั่ว ตามด้วยหอมแดงและใบมะกรูดซอยแล้วพักไว้ จากนั้นนำขนุนอ่อนที่ต้มเรียบร้อยแล้วมาปอกเปลือก เอาแกนออกและหันเป็นแว่นก็เป็นอันเสร็จสิ้น จัดใส่จานแล้วเสิร์ฟคู่กับน้ำพริก
2.ซุบบักมี่
ส่วนผสม
น้ำ 2 ถ้วย, ปลาร้าเจ 1/4 ถ้วย, หอมแดงปอกเปลือก 7 หัว, พริกขี้หนูสีแดงเม็ดใหญ่ 5 เม็ด, เห็ดกระด้างฉีกชิ้น 50 กรัม, ขนุนอ่อนต้มสุก ปอกเปลือกเอาแกนออกหั่นชิ้นใหญ่ 300 กรัม, ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ, ต้นหอม ผักชีไทย และผักชีฝรั่งซอย 2 ช้อนโต๊ะ, งาดำคั่วใหม่ ๆ บุบพอแตก ต้นหอม ผักชีไทย และผักชีฝรั่งซอย สำหรับโรย, ใบสะระแหน่และพริกขี้หนูสีแดงเม็ดใหญ่สำหรับตกแต่ง, ข้าวเหนียวนึ่งสำหรับจัดเสิร์ฟ, ผักสดมี ผักกาดขาว ผักชีลาว ถั่วฝักยาว ยอดกระถิน ฯลฯ
วิธีการทำ
ตั้งหม้อต้มน้ำกับปลาร้าเจโดยใช้ไฟกลาง ต้มให้พอเดือดแล้วใส่หอมแดง พริกขี้หนูสีแดงเม็ดใหญ่ และเห็ดกระด้างลงไป ก่อนจะลดไฟอ่อนและต้มต่อจนทุกอย่างสุกนุ่ม ตักส่วนผสมในหม้อออกแล้วนำไปโขลกเข้าด้วยกันให้พอหยาบ ตามด้วยขนุนอ่อนต้มสุก โขลกจนเข้ากันดี ตักใส่ชามและราดด้วยน้ำปลาร้าเจต้ม คนให้เข้ากัน จากนั้นปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว คนอีกครั้งก่อนจะใส่ต้นหอม ผักชีไทย และผักชีฝรั่ง ตักใส่จานแล้วโรยหน้าด้วยงาดำคั่วบุบ ต้นหอม ผักชีไทย และผักชีฝรั่ง ตกแต่งด้วยใบสะระแหน่และพริกขี้หนูสีแดงเม็ดใหญ่ เป็นอันเสร็จสิ้น
3.แกงขนุนอ่อน
ส่วนผสม
น้ำ 7 ถ้วย, ขนุนอ่อนหั่นชิ้นเอาแกนออก 700 กรัม, มะเขือส้มบุบพอแตก 1 ถ้วย, ชะอมเด็ด 1/2 ถ้วย, ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมเครื่องแกง
พริกแห้งเม็ดใหญ่แกะเมล็ดออกแช่น้ำจนนุ่ม 9 เม็ด, เกลือสมุทร (ดอกเกลือ) 1 ช้อนชา, กระเทียมไทย 9 กลีบ, หอมแดงหั่น 7 หัว, ปลาร้าเจ 2 ช้อนชา, เห็ดฟางดอกบาน 100 กรัม
วิธีการทำ
นำพริกแห้งกับเกลือมาโขลกรวมกัน จากนั้นใส่กระเทียมและหอมแดงลงไปโขลกจนละเอียด เติมเห็ดฟางและปลาร้าเจลงไปโขลกรวมกันจนละเอียด ตักใส่ถ้วยพักไว้ ลำดับต่อไปให้ตั้งหม้อและใส่น้ำลงไป ใส่พริกแกงที่เตรียมไว้ลงไปแล้วขนให้ละลายเข้ากัน ต้มให้พอเดือดด้วยไฟกลาง แล้วใส่ขนุนอ่อนลงไป จากนั้นลดไฟลง และต้มต่อไปอีกประมาณ 30 นาที เมื่อขนุนสุกแล้วให้ใส่มะเขือส้มและชะอมลงไป หลังจากน้ำแกงเดือดอีกครั้ง ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ปิดไฟและตักเสิร์ฟได้เลย
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารเพิ่มเติมได้ที่ Foodspace