![ข้าวกั๊นจิ๊น](https://foodspace.life/wp-content/uploads/2024/05/image-52-1024x683.jpeg)
“ข้าวกั๊นจิ๊น” เมนูอาหารเหนือที่มีมาอย่างยาวนานแต่เริ่มหาทานได้ยากในปัจจุบัน แตกต่างจากเมนูยอดฮิตอย่างขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวซอย หรือน้ำพริกหนุ่ม ที่หาทานได้ทั่วไปตามท้องตลาด วันนี้เราจะพาทำความรู้จักกับเมนูที่ชื่อเรียกอาจจะแปลก ๆ แต่รับรองเลยว่ารสชาติความอร่อยนั้น ถูกใจใครหลาย ๆ คนแน่นอน ตามเราไปดูพร้อมกันว่าเมนูนี้คืออะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร และที่สำคัญมีวิธีการทำกันอย่างไร มัดรวมมาให้ทุกคำตอบ!
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักข้าวกั๊นจิ๊น วัฒนธรรมอาหารของชาวไทใหญ่
ในความจริงแล้ว “ข้าวกั๊นจิ๊น” มีชื่อเรียกที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น “จิ้นส้มเงี้ยว” หรือ “ข้าวเงี้ยว” เนื่องจากแต่ละจังหวัดนั้นใช้เรียกไม่เหมือนกัน โดยที่มาของเมนูอาหารพื้นเมืองของทางภาคเหนือนี้ ว่ากันว่าเป็นวัฒนธรรมอาหารของชาวไทใหญ่ จุดเด่นคือการใช้ใบตองห่อในลักษณะที่คล้ายกับแหนม ซึ่งเรียกกันว่า จิ้นส้ม นั่นเอง จึงกลายมาเป็นที่มาของชื่อ จิ้นส้มเงี้ยว เมื่อเวลาผ่านไป ก็มีการดัดแปลงสูตรการทำมากขึ้น บางสูตรไม่ใส่เนื้อสัตว์ แต่ใส่เลือดลงไปคลุกเคล้ากับข้าวเพียงอย่างเดียว
![ข้าวกั๊นจิ๊น](https://foodspace.life/wp-content/uploads/2024/05/image-53-1024x683.jpeg)
ชื่อเมนู “ข้าวกั้นจิ้น” มาจากการรวมกันของคำว่า “กั้น” ที่มีความหมายในภาษาล้านนาว่า คั้น การบีบนวดคั้น บ่งบอกถึงขั้นตอนในการทำซึ่งจะมีการนวดข้าวเข้ากับส่วนผสมอื่น ๆ ส่วนอีกคำคือ “จิ้น” หมายถึง เนื้อ ใช้เรียก จิ้นงัว จิ้นควาย จิ้นหมู ซึ่งก็แปลว่า เนื้อวัว เนื้อควาย และเนื้อหมู
ลักษณะก็จะเป็นข้าวสวยที่คลุกเคล้าเข้ากับเลือดหมูสด ห่อในใบตอง นิยมนำมารับประทานคู่กับน้ำมันกระเทียม หอมแดง แตงกวา และพริกทอด มักทานเป็นเมนูอาหารมื้อกลางวัน ในอดีตส่วนใหญ่จะใช้เป็นเนื้อวัว แต่ในปัจจุบันมีการเปลี่ยนมาใช้เนื้อหมูแทน
![ข้าวกั๊นจิ๊น](https://foodspace.life/wp-content/uploads/2024/05/image-54-1024x683.jpeg)
ที่มาที่ไปของ “ข้าวกั๊นจิ๊น” นั้นได้รับมาจากวัฒนธรรมอาหารของชาวไทใหญ่ ชาติพันธุ์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความนิยมทานข้าวเจ้า แตกต่างจากชาติพันธุ์อื่น ๆ ที่มักทานอาหารหลักเป็นข้าวเหนียวหรือข้าวนึ่ง ทำให้เมนูนี้กลายเป็นหนึ่งในไม่กี่เมนูของอาหารล้านนาที่ทำมาจากข้าวเจ้านั่นเอง
แน่นอนว่าหากมีโอกาสได้เที่ยวทางภาคเหนือ ก็สามารถหาทานได้ทั่วไปในจังหวัดแพร่ เชียงใหม่ เชียงราย หรือจังหวัดอื่น ๆ ตามร้านที่ขายขนมจีนน้ำเงี้ยวหรือร้านข้าวซอย
สูตรการทำข้าวกั๊นจิ๊น จากวัตถุดิบที่หาได้ทั่วไปตามท้องตลาด
มาถึงขั้นตอนการทำเมนูข้าวกั๊นจิ๊นกันบ้าง ด้วยความเป็นเมนูอาหารไทยล้านนาที่หาทานได้ยาก เราจึงขออาสาพาไปจดสูตรเด็ดความอร่อย รับรองว่าสามารถทำกินเองที่บ้านได้ง่าย ๆ ขั้นตอนไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด หากใครกำลังคิดถึงรสชาติของเมนูอาหารพื้นบ้านตามตำรับโบราณ หรือใครที่ยังไม่เคยได้ลองทาน ก็สามารถเข้ามาส่องวิธีทำกันได้ หากพร้อมแล้วไปเตรียมวัตถุดิบการทำกันได้เลย
![ข้าวกั๊นจิ๊น](https://foodspace.life/wp-content/uploads/2024/05/image-55-1024x683.jpeg)
ส่วนผสม
- ข้าวสารเจ้า 1 ลิตร
- เนื้อหมูบด 200 กรัม
- เลือดหมู 1 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1 ช้อนชา
- กระเทียม 30 กลีบ
- น้ำมันพืช 1 ถ้วย
เครื่องเคียง
- พริกขี้หนูแห้งทอด
- หอมหัวใหญ่
- แตงกวา
- กระเทียมเจียว
วิธีการทำ
- นำเลือดหมูมาคั้นกับใบตะไคร้ เพื่อลดกลิ่นความคาวของเลือด จากนั้นพักไว้ก่อน
- ทำการหุงข้าวตามปกติ เมื่อข้าวสุกได้ที่ดีแล้วให้ตักออกมาผึ่งให้อุ่น ก่อนจะใส่เกลือ น้ำตาลทราย และน้ำมันกระเทียมเจียวลงไปปรุงรส
- นำหมูสับและเลือดหมูที่เตรียมไว้ใส่ตามลงไปในข้าว ทำการคลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากันแล้วพักไว้
- ฉีกใบตองให้มีความกว้างประมาณ 10 นิ้ว วางซ้อนกัน 4 ชั้น แล้วใส่ส่วนผสมของข้าวที่เตรียมไว้ลงไป จากนั้นทำการห่อได้เลยและมัดด้วยตอกให้แน่น
- นำห่อข้าวที่ห่อเรียบร้อยแล้วใส่ลงในลังถึง นึ่งโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จะได้ข้าวกั๊นจิ๊นที่สุกพร้อมทาน
- ก่อนเสิร์ฟโรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว พริกแห้งทอด หอมแดง แตงกวา ผักชี และต้นหอม แนะนำให้ทานคู่กับขนมจีนหรือก๋วยเตี๋ยวน้ำเงี้ยวและแคบหมู รับรองว่าจะได้ความอร่อยที่เข้ากันอย่างลงตัว
เคล็ดลับความอร่อย
![ข้าวกั๊นจิ๊น](https://foodspace.life/wp-content/uploads/2024/05/image-56-1024x683.jpeg)
เมื่อนำข้าวสวยไปคลุกกับเลือดหมูแล้ว ให้พักข้าวเอาไว้สักพักเพื่อให้เลือดหมูซึมเข้าไปในข้าว และได้ข้าวที่ไม่ข้าวที่แฉะจนเกินไป หากเลือดหมูเป็นลิ่มก้อน ให้ใช้ตะไคร้ตี จะช่วยให้เลือดแตกตัวก่อนนำไปใช้ นอกจากนี้ให้ระวังการปรุงรสชาติ เนื่องจากส่วนใหญ่เลือดหมูตามท้องตลาดมักจะผสมเกลือมาก่อน ส่วนของเนื้อสัตว์นั้นเป็นการนำมาใส่เพื่อเพิ่มรสชาติที่กลมกล่อมมากขึ้น และที่สำคัญหากไม่มีใบตองก็สามารถใส่ส่วนผสมลงในชามใบเล็ก หรืออัดลงในแม่พิมพ์แล้วนำไปนึ่งในลังถึงได้เช่นกัน
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารเพิ่มเติมได้ที่ Foodspace