ต้องยอมรับเลยว่าอากาศในประเทศเขตร้อนอย่างประเทศไทย ส่วนใหญ่มักจะผ่านพ้นไปด้วยอุณหภูมิที่ไม่ต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียสตลอดทั้งปี ส่งผลให้ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์มากจนกลายเป็นแหล่งรวมวัตถุดิบชั้นยอด พร้อมเสิร์ฟทั้งเมนูคาวหวาน “ทับทิมกรอบ” เป็นหนึ่งในเมนูขนมหวานที่มีความโดดเด่นตามแบบฉบับอาหารไทยที่เลื่องชื่อ รสชาติหวานเย็นกับกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของกะทิอบควันเทียน และแน่นอนว่าในวันที่อากาศร้อน นี่จะเป็นเมนูคลายร้อนที่ช่วยเติมความสดชื่นได้ดีเลยทีเดียว ใครได้ลองชิมต่างก็ต้องติดใจในความอร่อยลงตัว วันนี้เราจึงไม่พลาดพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเมนูของหวานเมนูนี้ให้มากขึ้น พร้อมแนะนำสูตรการทำง่าย ๆ ที่สามารถทำตามกันได้ที่บ้าน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
เปิดตำนานความอร่อยทับทิมกรอบ ส่องความเป็นมาของเมนูของหวานยอดฮิต หวานอร่อย หอมกะทิ
ทับทิมกรอบ เป็นหนึ่งในเมนูขนมไทยที่ไม่เพียงแต่ได้รับความนิยมในช่วงหน้าร้อนเท่านั้น ยังสามารถทานได้ทุกฤดูกาล ด้วยรสชาติหวาน เย็น สดชื่น จึงได้ชื่อว่าเป็นขนมหวานคลายร้อน ช่วยเติมความสดชื่นในทุก ๆ วันนั่นเอง ขนมชนิดนี้รับอิทธิพลมาจากอาหารเวียดนาม โดยสูตรของทางเวียดนามนั้นจะใช้มันแกว เผือก และมะพร้าวทึนทึกในการทำ แล้วใส่ลอดช่อง วุ้นขูดเส้น สาคูเม็ดใหญ่ ลอยน้ำเชื่อม และกะทิลงไป ปิดท้ายด้วยน้ำแข็ง จากนั้นกัมพูชาก็ได้รับวัฒนธรรมของหวานจากไทยไปดัดแปลงเมนูนี้เป็นเมนูที่มีชื่อเรียกว่า “ทูทิมกรอบ” ซึ่งรับประทานกับน้ำกะทิ ใส่วุ้นมะพร้าว ขนุน และท้ายที่สุดเวียดนามก็รับขนมชนิดนี้กลับไปอีกครั้งโดยใช้ชื่อว่า “เจ่ท้าย”
แบ่งปันการทำทับทิมกรอบ เมนูของหวานคลายร้อนให้ได้รสชาติอร่อยกลมกล่อม ทำทานง่าย ๆ ได้ที่บ้าน
ส่วนผสมตัวทับทิมกรอบ
- แห้วปอกเปลือกต้มสุก 250 กรัม
- น้ำหวานสีแดงหรือน้ำผสมสีผสมอาหาร 150 กรัม
- แป้งมันสำปะหลัง 150 กรัม
ส่วนผสมน้ำเชื่อมแช่ทับทิม
- น้ำตาลทราย 200 กรัม
- น้ำเปล่า 250 กรัม
- กลิ่นมะลิ ¼ ช้อนชา
ส่วนผสมน้ำกะทิ
- กะทิ 500 กรัม
- น้ำตาลทราย 120 กรัม
- น้ำเปล่า 30 กรัม
- เกลือป่น ½ ช้อนชา
วิธีการทำทับทิมกรอบ
- ขั้นตอนแรกเริ่มจากการนำแห้วที่ผ่านการต้มจนสุกแล้วมาปอกเปลือกแล้วมาหั่นให้เป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาดเล็กใส่ลงในชามผสม
- เมื่อหั่นจนเสร็จให้เติมน้ำหวานสีแดง หรือน้ำที่ผสมสีผสมอาหารสีแดงลงไปคลุกเคล้าให้ทั่ว พักไว้ประมาณ 20 นาทีเพื่อให้แห้วอิ่มตัว
- ระหว่างรอให้ครบเวลา ให้หันมาเตรียมน้ำเชื่อมแช่ทับทิม โดยเทน้ำเปล่าลงในหม้อ ตามด้วยน้ำตาลทราย จากนั้นจึงเปิดเตาเคี่ยวจนน้ำตาลทรายละลายเป็นน้ำเชื่อม พอน้ำเดือดให้ใส่กลิ่นมะลิลงไปคนอีกครั้ง ปิดเตาแล้วเทใส่ชามผสม พักไว้
- ขั้นตอนนี้เป็นการทำน้ำกะทิ ให้เริ่มต้นจากการใส่กะทิลงในหม้อ แล้วเติมน้ำเปล่า น้ำตาลทราย คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้นนำหม้อขึ้นตั้งบนเตา เปิดไฟปานกลางค่อยไปทางอ่อน ใส่เกลือป่นลงไป แล้วต้มจนเดือดจึงปิดเตา พักไว้ให้เย็น
- วางเทียนอบลงบนถ้วยฟรอยด์ เพื่อให้เทียนสามารถลอยได้ จากนั้นจุดเทียน แล้วนำถ้วยฟรอยด์ไปลอยในน้ำกะทิที่เตรียมไว้ ปิดฝาหม้ออบทิ้งไว้โดยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
- หลังจากนั้นให้นำแห้วที่แช่น้ำหวานเตรียมไว้มากรองน้ำออก คลุกเคล้าด้วยแป้งมันสำปะหลังให้ทั่ว แล้วตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด แล้วนำทับทิมที่ได้ลงไปต้มจนสุก หรือสังเกตเมื่อทับทิมลอยขึ้นมาก็สามารถตักขึ้นมาแช่น้ำเย็น แล้วนำไปแช่ในน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ต่อได้
- ปิดท้ายเมนูขนมทำง่ายด้วยขั้นตอนการจัดเสิร์ฟ ตักทับทิมใส่ถ้วย ตามด้วยน้ำแข็งตามชอบ ราดน้ำกะทิ และสามารถใส่ท็อปปิ้งเพิ่มเติมลงไปได้ เช่น ขนุน มะพร้าวอ่อน หรืออื่น ๆ เพียงเท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟ
เคล็ดลับการทำทับทิมกรอบให้ได้รสชาติอร่อยกลมกล่อมสุด ๆ บอกเลยว่าทำได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกวัตถุดิบหลักอย่าง “แห้ว” โดยให้เลือกแห้วที่มีขนาดกำลังดี ควรมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ3 เซนติเมตรขึ้นไป เน้นความกรอบและสะอาดเป็นสำคัญ เนื้อข้างในต้องมีสีขาวและเนียนละเอียด สังเกตได้จากสีของเปลือก หากเป็นสีน้ำตาลเข้มนั่นหมายถึงว่าแห้วสุกแก่ที่กำลังพอดี นำมาทำขนมแล้วอร่อยชัวร์
แนะนำประโยชน์จากการทานทับทิมกรอบ เมนูของหวานสไตล์ไทย อร่อยง่าย ได้คุณค่าทางอาหารจัดเต็ม
ชื่อเมนู “ทับทิมกรอบ” ไม่ได้ตั้งขึ้นตามวัตถุดิบที่นำมาทำ แต่ตั้งตามรูปลักษณ์หน้าตาของขนมที่ออกมามีลักษณะคล้ายอัญมณีอย่างทับทิม ด้วยขั้นตอนและกรรมวิธีการทำขนมหวานน้ำกะทิข้างต้น ช่วยแปลงโฉมให้ “แห้ว” กลายเป็นอัญมณีล้ำค่าได้ภายในเวลาไม่กี่นาที แม้หน้าตาจะเปลี่ยนไป แต่คุณประโยชน์ภายในนั้นเหมือนเดิม
แห้วเป็นพืชฤทธิ์เย็น รสหวาน ที่มีคุณสมบัติขับร้อน ช่วยแก้อาการร้อนในได้ดี แก้กระหายน้ำ ขับเสมหะ แก้อาการคออักเสบ มีส่วนช่วยบำรุงปอด บำรุงธาตุและกระเพาะ ขับของเสีย ช่วยขับปัสสาวะ ขับน้ำนม บำรุงร่างกายให้แข็งแรง รักษาโรคเบาหวาน ลดระดับความดันโลหิต และยังอุดมไปด้วยวิตามิน B และ E สามารถช่วยแก้โรคเหน็บชาและปากนกกระจอกได้ ของหวานตามสไตล์ไทยที่มีดีทั้งรสชาติและเต็มไปด้วยประโยชน์เช่นนี้ ไม่ควรพลาดจัดมาคลายร้อนกันสักถ้วย
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารเพิ่มเติมได้ที่ Foodspace